พระกริ่งเขมรทองคำของหลวงป๋า โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋)
วันหนึ่งหลวงพ่อภาวนาโกศลเถระ (วีระ คณุตตโม) วัดปากน้ำภาษีเจริญผู้ถ่ายทอดวิชชาธรรมกายให้แก่หลวงป๋า ได้ใช้ให้ลูกศิษย์ชื่อคุณทองหล่อ นำน้ำมนต์ของท่านไปที่ท้องนาของจังหวัดหนึ่งซึ่งจุดนั้นกำลังจะถูกน้ำท่วม เพราะทางกรมชลประทานจะใช้บริเวณนั้นเป็นเขื่อนเก็บน้ำ ท่านบอกว่าต้องรีบไปเพราะเดี๋ยวน้ำจะท่วมแล้วจะไม่สามารถทำการได้ ท่านสั่งว่าเมื่อไปถึงจุดนั้นก็ให้เอาน้ำมนต์นี้ไปเทลงบนพื้นดินให้รอบ เมื่อเทเสร็จก็ให้ขุดดินตรงจุดนั้น คุณทองหล่อก็ทำตามที่ท่านสั่งทุกขั้นตอนโดยขุดดินลงไปเพียง 1 เมตร ก็ไปพบกับหินทรายซึ่งถูกแกะสลักให้เหมือนกับฝาปิด เมื่อเปิดฝาหินออกมาก็เห็นผอบดินเผาอยู่ด้านใน เมื่อเปิดผอบออกมาก็เห็นพระกริ่งองค์หนึ่งเก่าแก่มาก ผิวเต็มไปด้วยขี้ดินและหินสีพระออกสนิมเขียวติดอยู่จนมองไม่เห็นผิวเดิม องค์พระจุดที่ขุดเจอนี้ก็คือบริเวณยอดหลังคาของ "อโรคยาสถาน" ซึ่งเป็นสถานพยาบาลของคนเดินทางของพวกขอมโบราณ เป็นเส้นทางที่พวกขอมใช้เดินทางเพื่อค้าขายและการปกครองในดินแดนแถบนี้คาด ว่าอโรคยาสถานนี้สร้างในยุคสมัยของพระชัยวรมันที่ 7
ญาณทรรศนะของหลวงพ่อภาวนานี้นับว่ามีความแม่นยำมาก เพราะจุดที่ท่านสั่งการให้ไปนั้นท่านจะบอกลักษณะของสถานที่โดยละเอียด แม้ท่านยังไม่เคยไปแต่ก็บอกเส้นทางลักษณะของสถานที่ได้อย่างถูกต้องทุก ประการ ทำให้การเดินทางเพื่อค้นหาสถานที่และขุดหาของทำได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังมอบน้ำมนต์ไปเทก่อนขุดเพื่อป้องกันไม่ให้ของนั้นถูกเคลื่อนย้ายหนีไป อีกด้วย (ผู้ทำหน้ามี่เฝ้าสมบัติมักไม่ยอมให้เพราะเฝ้ามานานจนเกิดความหึงหวงสมบัติ นั้น) เมื่อคุณทองหล่อได้พระมาตามสั่งก็รีบนำกลับมาให้แก่หลวงพ่อภาวนา หลวงพ่อภาวนาบอกว่าไม่ต้องเอามาให้ท่านแต่ให้รีบเอาไปคืน "เจ้าของ" ซึ่งก็คือหลวงป๋าวัดหลวงพ่อสดของพวกเรานั่นเอง
หลวงพ่อภาวนาบอกว่าองค์นี้เป็นพระกริ่งทองคำองค์ที่ 4 และเป็นองค์สุดท้าย ส่วนองค์อื่นๆ นั้นถูกขุดเอาพระไปอยู่กับคนอื่นหมดแล้ว เพราะอโรคยาสถานแบบนี้มีทั้งหมด 4 แห่งแล้วก็บรรจุพระแบบนี้เหมือนกัน เมื่อหลวงป๋าท่านได้มาแล้วท่านก็นำพระไปล้างน้ำ คราบกรุติดเต็มทั้งองค์เห็นแต่สนิมเขียวและเศษขี้ดิน แต่เมื่อค่อยๆ ล้างออกมาจนเห็นผิวองค์พระก็ต้องตกตะลึง เพราะเป็นพระกริ่งทองคำแท้ ศิลปะการสร้างก็งดงามละเอียดลออ องค์พระสวยงามสมบูรณ์ดีทั้งองค์ ถือเป็นพระที่สวยงามที่สุดของยุคสมัยนั้นองค์หนึ่ง
ต่อมาหลวงป๋าท่านจึงได้สร้างพระกริ่งชัยวรมันที่ 7 เพื่อเป็นการย้อนระลึกถึงการสร้างพระกริ่งทองคำแบบองค์ที่ได้มานี้ด้วยเนื้อ พญาเหล็กไหล (เป็นการสร้างย้อนยุค) และต่อมาท่านพญาสุทธิสุทโธนาคราชก็ได้นำพระชัยวรมันที่ 7 องค์ใหญ่ ขนาดหน้าตักประมาณ 16 นิ้วมาถวายหลวงป๋า โดยต้องไปนำมาจากถ้ำแห่งหนึ่งในจังหวัดสกลนคร คาดว่าในสมัยนั้นมีการสร้างรูปเหมือนของพระชัยวรมันที่ 7 ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ถ้าใครอยากรู้ว่าพระชัยวรมันที่ 7 มีใบหน้าอย่างไรก็ให้ดูได้จากใบหน้าของพระองค์นี้
วันหนึ่งหลวงพ่อภาวนาโกศลเถระ (วีระ คณุตตโม) วัดปากน้ำภาษีเจริญผู้ถ่ายทอดวิชชาธรรมกายให้แก่หลวงป๋า ได้ใช้ให้ลูกศิษย์ชื่อคุณทองหล่อ นำน้ำมนต์ของท่านไปที่ท้องนาของจังหวัดหนึ่งซึ่งจุดนั้นกำลังจะถูกน้ำท่วม เพราะทางกรมชลประทานจะใช้บริเวณนั้นเป็นเขื่อนเก็บน้ำ ท่านบอกว่าต้องรีบไปเพราะเดี๋ยวน้ำจะท่วมแล้วจะไม่สามารถทำการได้ ท่านสั่งว่าเมื่อไปถึงจุดนั้นก็ให้เอาน้ำมนต์นี้ไปเทลงบนพื้นดินให้รอบ เมื่อเทเสร็จก็ให้ขุดดินตรงจุดนั้น คุณทองหล่อก็ทำตามที่ท่านสั่งทุกขั้นตอนโดยขุดดินลงไปเพียง 1 เมตร ก็ไปพบกับหินทรายซึ่งถูกแกะสลักให้เหมือนกับฝาปิด เมื่อเปิดฝาหินออกมาก็เห็นผอบดินเผาอยู่ด้านใน เมื่อเปิดผอบออกมาก็เห็นพระกริ่งองค์หนึ่งเก่าแก่มาก ผิวเต็มไปด้วยขี้ดินและหินสีพระออกสนิมเขียวติดอยู่จนมองไม่เห็นผิวเดิม องค์พระจุดที่ขุดเจอนี้ก็คือบริเวณยอดหลังคาของ "อโรคยาสถาน" ซึ่งเป็นสถานพยาบาลของคนเดินทางของพวกขอมโบราณ เป็นเส้นทางที่พวกขอมใช้เดินทางเพื่อค้าขายและการปกครองในดินแดนแถบนี้คาด ว่าอโรคยาสถานนี้สร้างในยุคสมัยของพระชัยวรมันที่ 7
ญาณทรรศนะของหลวงพ่อภาวนานี้นับว่ามีความแม่นยำมาก เพราะจุดที่ท่านสั่งการให้ไปนั้นท่านจะบอกลักษณะของสถานที่โดยละเอียด แม้ท่านยังไม่เคยไปแต่ก็บอกเส้นทางลักษณะของสถานที่ได้อย่างถูกต้องทุก ประการ ทำให้การเดินทางเพื่อค้นหาสถานที่และขุดหาของทำได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังมอบน้ำมนต์ไปเทก่อนขุดเพื่อป้องกันไม่ให้ของนั้นถูกเคลื่อนย้ายหนีไป อีกด้วย (ผู้ทำหน้ามี่เฝ้าสมบัติมักไม่ยอมให้เพราะเฝ้ามานานจนเกิดความหึงหวงสมบัติ นั้น) เมื่อคุณทองหล่อได้พระมาตามสั่งก็รีบนำกลับมาให้แก่หลวงพ่อภาวนา หลวงพ่อภาวนาบอกว่าไม่ต้องเอามาให้ท่านแต่ให้รีบเอาไปคืน "เจ้าของ" ซึ่งก็คือหลวงป๋าวัดหลวงพ่อสดของพวกเรานั่นเอง
หลวงพ่อภาวนาบอกว่าองค์นี้เป็นพระกริ่งทองคำองค์ที่ 4 และเป็นองค์สุดท้าย ส่วนองค์อื่นๆ นั้นถูกขุดเอาพระไปอยู่กับคนอื่นหมดแล้ว เพราะอโรคยาสถานแบบนี้มีทั้งหมด 4 แห่งแล้วก็บรรจุพระแบบนี้เหมือนกัน เมื่อหลวงป๋าท่านได้มาแล้วท่านก็นำพระไปล้างน้ำ คราบกรุติดเต็มทั้งองค์เห็นแต่สนิมเขียวและเศษขี้ดิน แต่เมื่อค่อยๆ ล้างออกมาจนเห็นผิวองค์พระก็ต้องตกตะลึง เพราะเป็นพระกริ่งทองคำแท้ ศิลปะการสร้างก็งดงามละเอียดลออ องค์พระสวยงามสมบูรณ์ดีทั้งองค์ ถือเป็นพระที่สวยงามที่สุดของยุคสมัยนั้นองค์หนึ่ง
ต่อมาหลวงป๋าท่านจึงได้สร้างพระกริ่งชัยวรมันที่ 7 เพื่อเป็นการย้อนระลึกถึงการสร้างพระกริ่งทองคำแบบองค์ที่ได้มานี้ด้วยเนื้อ พญาเหล็กไหล (เป็นการสร้างย้อนยุค) และต่อมาท่านพญาสุทธิสุทโธนาคราชก็ได้นำพระชัยวรมันที่ 7 องค์ใหญ่ ขนาดหน้าตักประมาณ 16 นิ้วมาถวายหลวงป๋า โดยต้องไปนำมาจากถ้ำแห่งหนึ่งในจังหวัดสกลนคร คาดว่าในสมัยนั้นมีการสร้างรูปเหมือนของพระชัยวรมันที่ 7 ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ถ้าใครอยากรู้ว่าพระชัยวรมันที่ 7 มีใบหน้าอย่างไรก็ให้ดูได้จากใบหน้าของพระองค์นี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น