วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ไปเหมือนไม่ได้ไป

ไปเหมือนไม่ได้ไป
วันหนึ่งลูกศิษย์ที่มานั่งสมาธิกับหลวงพ่อภาวนา นัดแนะกันว่าเมื่อนั่งสมาธิเสร็จแล้วจะรีบเดินทางไปดูคอนเสิร์ตของเบิร์ด ธงไชย ที่จัดขึ้นที่เมืองทองธานี บัตรก็มีพร้อมกันอยู่แล้ว เมื่อนั่งสมาธิเสร็จสาวๆ กลุ่มนี้ก็รีบลุกขึ้นเพื่อรีบไปขึ้นรถทันที หลวงพ่อภาวนาเห็นก็เลยถามไปว่าจะรีบไปไหนกัน ลูกศิษย์กลุ่มนี้ก็บอกว่าจะรีบไปดูคอนเสิร์ตของเบิร์ดค่ะ
อยู่ๆ ก็ได้ยินหลวงพ่อภาวนาพูดขึ้นมาให้ได้ยินทั่วกันว่า "ไปก็เหมือนไม่ได้ไป" แล้วท่านก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เมื่อได้ยินหลวงพ่อพูด ดังนั้นต่างก็งงว่าหลวงพ่อจะบอกอะไร (สงสัยท่านจะพูดเป็นปริศนาธรรมว่าทุกอย่างในโลกไม่มีอะไรมั๊ง) ท่านพูดเสร็จก็ไม่ยอมพูดต่อได้แต่ยิ้มน้อยๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจแต่ก็ไม่มีเวลาคิด ต่างก็รีบเดินออกจากวัดปากน้ำเพื่อขึ้นรถไปเมืองทองธานีทันที
ระหว่างทางก่อนถึงเมืองทองธานีปรากฏว่ารถติดวินาศสันตะโร เนื่องจากในเมืองทองมีทั้งงานคอนเสิร์ตและงานแสดงสินค้า ผู้คนมากมายต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าไปถึงเมืองทองได้ พอไปถึงสถานที่จัดคอนเสิร์ตก็ช้าไปมาก คอนเสิร์ตแสดงไปจนใกล้จะเลิกแล้ว ตกลงกันว่าไม่ดูแล้วคอนซงคอนเสิร์ตกลับบ้านกันดีกว่า เพราะหมดอารมณ์และเหนื่อยมากกับการเดินทางครั้งนี้ พลันเสียงของหลวงพ่อก็ดังเข้ามาในหูอีกว่า "ไปก็เหมือนไม่ได้ไป" อ๋อ...เพิ่งจะเข้าใจ แหมหลวงพ่อท่านน่าจะอธิบายขยายความอีกนิดก็จะดี 555 (หลวงพ่อท่านคงบอกว่าเตือนแล้วไม่ฟังกันเอง)

หลวงพ่อภาวนาตามพระคู่บารมีมาให้หลวงป๋า

หลวงพ่อภาวนาตามพระคู่บารมีมาให้หลวงป๋า
จะมีใครรู้บ้างว่าพระสำคัญในโบสถ์วัดหลวงพ่อสดทั้ง 2 องค์ คือพระทองคำและพระนากนั้นได้มาเพราะฝีมือของหลวงพ่อภาวนา (วีระ คณุตตโม) เมื่อหลวงป๋าได้เรียนวิชชาจากหลวงพ่อภาวนาแล้วก็ถือว่าเป็นลูกศิษย์เต็มตัว ดังนั้นหลวงพ่อท่านจึงได้ตรวจดูว่าจะช่วยเหลือหลวงป๋าได้อย่างไรบ้าง ก็ปรากฏว่าเมื่อท่านได้ใช้ญาณทัศนะในวิชชาธรรมกายตรวจดูจนรู้ว่า ในอดีตชาตินั้นหลวงป๋าท่านได้สร้างพระที่สำคัญเอาไว้ แต่ตอนนี้พระไม่ได้อยู่ในประเทศไทย พระท่านกระจัดกระจายอยู่แถบเมืองเชียงตุงของพม่า
ดังนั้นเพื่อให้หลวงป๋าได้พระที่สำคัญกลับคืน หลวงพ่อภาวนาท่านจึงได้ใช้วิชชาธรรมกาย "ตะล่อม" พระให้เดินทางกลับมาสู่ประเทศไทย อาจเป็นการดลใจให้เจ้าของถวายหรือปล่อยให้เช่าต่อๆ กันมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จนกระทั่งพระที่สร้างด้วยเนื้อนากได้เดินทางมาถึงจังหวัดแถวเชียงใหม่หรือ ลำพูน หลวงพ่อภาวนาท่านก็รีบแจ้งให้หลวงป๋า (ตอนนั้นท่านยังไม่ได้บวฃ) ให้รีบขึ้นไปที่ร้าน.....ซึ่งเป็นร้านรับซื้อขายพระและของเก่าต่างๆ หลวงพ่อภาวนาท่านจะบอกรายละเอียดที่อยู่พร้อมกับรูปร่างและขนาดของพระอย่าง ละเอียด เมื่อหลวงป๋าเดินทางไปจนถึงจุดที่หลวงพ่อภาวนาบอกก็สามารถเจอะเจอพระนากและ สามารถบูชามาได้อย่างง่ายดาย
เมื่อได้พระองค์แรกมาแล้ว หลวงพ่อภาวนาก็ "ตะล่อม" พระทองคำมาอีก คราวนี้พระท่านได้เดินทางเข้ามาสู่ประเทศไทยที่จังหวัดเชียงราย หลวงพ่อภาวนาก็รีบบอกหลวงป๋าให้ขึ้นไปเช่ามาอีก เมื่อไปถึงร้านนั้นแล้วก็มองไม่เห็นพระทองคำ ทั้งนี้เพราะเจ้าของเดิมเขาหวงพระนี้มากจึงได้เอาสีดำทาไว้ทั้งองค์ ใครเห็นก็ไม่สนใจเพราะคิดว่าเป็นพระธรรมดาไม่มีค่าอะไร แต่หลวงป๋าท่านรู้ได้เพราะลักษณะรูปร่างและขนาดตรงตามที่หลวงพ่อภาวนาบอกไว้ ไม่มีผิด หลวงป๋าท่านจึงได้พระทองคำองค์ใหญ่มาในราคาที่ไม่แพงเลย เนื่องจากพ่อค้าเขาก็ไม่รู้ว่าพระองค์นั้นคือพระทองคำอันล้ำค่าทั้งองค์ (เมื่อได้มาแล้วลองขูดเนื้อดูก็รู้ว่าเป็นพระทองคำแท้)
ที่จริงหลวงป๋าท่านจะต้องได้มาอีก 1 องค์ คือพระเงิน เพราะในอดีตท่านได้สร้างไว้เป็นพระ 3 พี่น้อง คือพระทองคำ พระนาก และพระเงิน แต่เนื่องจากพระเงินยังอยู่กับผู้มีบารมีท่านหนึ่งแถบจังหวัดพิษณุโลก เจ้าของหวงแหนมาก สักวันหนึ่งก็คงจะได้กลับมาอยู่รวมกันเป็นพระ 3 พี่น้อง ทองคำ นาก เงิน เหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา
บางคนชอบพูดว่าพวกที่นั่งสมาธิแล้วเห็นโน่นเห็นนี่ ไม่รู้ว่าคิดเห็นไปเองหรือเปล่า แต่ถ้าเขาเหล่านั้นได้มาทราบเรื่องที่หลวงพ่อภาวนาได้ตรวจไปถึงอดีตชาติของ หลวงป๋า แล้วยังได้รู้ว่าพระที่หลวงป๋าสร้างไว้นั้นยังอยู่ ท่านยังสามารถทำวิชชาให้พระเดินทางมาจากนอกประเทศให้เข้ามาในไทยเพื่อที่ หลวงป๋าสามารถขึ้นไปรับมาได้อีก แล้วหลวงพ่อภาวนาท่านยังระบุสถานที่ที่พระนั้นอยู่ได้อย่างถูกต้อง ญาณทัศนะและสิทธิอำนาจในวิชชาธรรมกายจึงเป็นของจริงที่ทั้งรู้และทั้งเห็น ทั้งสามารถทำได้จริงอีกด้วย
มาในชาตินี้หลวงป๋าท่านก็ยังจะได้สร้างพระ 3 พี่น้อง 3 เนื้ออีก แต่ครั้งนี้จะสร้างด้วยเนื้อธาตุกายสิทธิ์คือเหล็กไหลวัชรธาตุ เหล็กไหลช่อทิพย์เงินยวง และเหล็กไหลสุริยันราชา ที่พวกเราได้ร่วมบุญกันเชิญมา แบบองค์พระก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว รอแต่กำหนดการและสถานที่หล่อพระเท่านั้น