วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ความศักดิ์สิทธิ์ของพระวัดปากน้ำและพระตระกูลวัดปากน้ำแต่ละรุ่นแต่ละพิมพ์แตกต่างกันหรือไม่


#ความศักดิ์สิทธิ์ของพระวัดปากน้ำและพระตระกูลวัดปากน้ำแต่ละรุ่นแต่ละพิมพ์แตกต่างกันหรือไม่ ?
โดย พระเทพญาณมงคล (เสริมชัย ชยมงฺคโล)
พระทุกรุ่น ทุกพิมพ์...ที่สร้างขึ้นโดยพระผู้สร้างองค์เดียวกัน หรือ คณะเดียวกัน ย่อมทรงความศักดิ์สิทธิ์ในพุทธานุภาพ...เหมือนกัน หรือพอๆกัน ทุกรุ่น ทุกพิมพ์
เว้นแต่ในบางรุ่น...พระผู้สร้างจะเน้นความศักดิ์สิทธิ์ในพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ บางประการ
เป็นพิเศษ ก็จะทรงความศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเป็นพิเศษในบางประการที่พระผู้สร้างอธิษฐานจิตขอบารมีพระพุทธเจ้าทับทวีในเรื่องนั้นๆ เช่นว่า
พระของขวัญวัดปากน้ำ รุ่นที่ ๑ - ๒ - ๓
ที่พระเดชพระคุณ “หลวงพ่อวัดปากน้ำ “ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) เป็นผู้สร้างขึ้นเอง ย่อมทรงความศักดิ์สิทธิ์ในพุทธภานุภาพเสมอกัน เพราะผู้สร้าง (หลวงพ่อสด) ย่อมทรงภูมิธรรม และ เจริญวิชชาอย่างเดียวกัน
แม้จะมีผู้ตั้งปัญหาขึ้นมาว่า พระผู้สร้างยิ่งแก่พรรษา...วิชชาก็ยิ่งแก่กล้าขึ้น พระที่สร้างขึ้นรุ่นหลังๆน่าจะทรงคุณวิเศษยิ่งกว่ารุ่นแรกๆ ดูก็น่าจะสมเหตุสมผล
แต่แท้ที่จริงแล้ว การทำ "วิชชาธรรมกายชั้นสูง" นั้น
พระผู้สร้างย่อม "ทำวิชชาทับทวี" แก่ "พระ"
...ทั้งที่สร้างไว้รุ่นก่อนๆ รวมมาถึงรุ่นปัจจุบัน และแม้ที่จะทำต่อไปในอนาคตด้วย เรียกว่า “การคำนวณรวมเข้ามาทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต” เสมอพระผงธรรมขันธ์ (รุ่นที่ ๔) และ พระธรรมกาย (รุ่นที่ ๕) ซึ่งสร้างขึ้นโดยพระเดชพระคุณ พระราชพรหมเถร (วีระ คณุตฺตโม)
รองเจ้าอาวาสและพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ องค์ปัจจุบัน ก็ทรงความศักดิ์สิทธิ์ในพุทธานุภาพเสมอกัน
เพราะพระที่สร้างขึ้นประกอบด้วยผงมวลสาร
จากพระผงของขวัญรุ่นที่ ๑ ๒ ๓ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำและ พระเดชพระคุณ พระราชพรหมเถร (วีระ คณุตฺตโม) ผู้สร้างขึ้น...ก็ทรงภูมิธรรม และเจริญวิชชา ตามที่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก “พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ” อย่างเดียวกันทั้ง ๒ รุ่น
แม้จะมีผู้สร้างข่าวขึ้นว่า พระรุ่น ๕ มิใช่รูปแบบเดิม ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำเคยทำ
แต่เป็นแบบพระธรรมกาย จึงไม่ศักดิ์สิทธิ์ (ขลัง) เหมือนรุ่นอื่นๆ ที่มีรูปแบบเหมือนพิมพ์พระของขวัญเดิม ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ก็ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด
นี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างมโหฬาร
เพราะเหตุว่า “ธรรมกาย” นั่นแหละเป็นหัวใจ
เป็นชีวิตจิตใจของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำทีเดียว ท่านสอนศิษยานุศิษย์เป็นประจำให้ปฏิบัติภาวนาให้ถึงธรรมกาย
ท่านสอน “วิชชาธรรมกายของพระพุทธเจ้า” ... จนตลอดชีวิตท่าน นับตั้งแต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านปฏิบัติถึง “ธรรมกาย” ถึง “พระนิพพาน”
คือ ธรรมกายที่บรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้า ซึ่งเข้าอนุปาทิเสสนิพพานแล้วสถิตอยู่ในอายตนะนิพพานนั้นแหละ
พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านสอนว่า
ธรรมกายนั่นแหละ คือ พระพุทธรัตนะ
วัดปากน้ำเจริญรุ่งเรืองมาจนบัดนี้
ก็ด้วย “อานุภาพวิชชาธรรมกาย” ... ก็รู้ๆกันอยู่ ความจริงเป็นอย่างนี้ พระธรรมกายรุ่นที่ ๕ จะด้อยกว่ารุ่น ๔ หรือรุ่นอื่นๆได้อย่างไร
เป็นเรื่องของคนไม่รู้วิชชาธรรมกาย...พูดเลอะเทอะไป
คนรู้วิชชา...เขาจะไม่พูดอย่างนั้น
พระจะทรงความศักดิ์สิทธิ์ในพุทธานุภาพเพียงใดนั้น
ขึ้นอยู่ที่ “ภูมิธรรม” และ “การเจริญวิชชา”... ของผู้สร้าง
และขึ้นอยู่ที่ความเป็น “ผู้มีศีลมีธรรม”... ของผู้มีพระไว้เคารพบูชา (ปฏิบัติบูชา) ด้วยใจศรัทธาเองเป็นสำคัญ
พระรุ่นที่ ๖ ซึ่งคญะศิษย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ในพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำได้สร้างขึ้น โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำองค์ปัจจุบัน
เป็นประธาน และ เป็นผู้แจกให้เป็นที่ระลึกแก่ผู้บริจาคทุนทรัพย์ สร้างพระไตรปิฎกหินอ่อน และมหาวิหารที่ประดิษฐานพระไตรปิฎกนั้น ก็ทรงความศักดิ์สิทธิ์ในพุทธานุภาพเสมอกันทุกพิมพ์ ไม่มีพิมพ์ไหนจะศักดิ์สิทธิ์กว่ากันเลย เพราะคณะผู้สร้างเป็นคณะเดียวกัน เจริญวิชชาเดียวกัน
แม้จะมีผู้สร้างข่าวพิมพ์นิยมพิเศษขึ้น ถ้าเป็นพระที่คณะศิษย์ผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดียวกันนี้สร้างขึ้น
และพระเดชพระคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ผู้เป็นประธานในการสร้าง เป็นผู้แจกให้แล้ว
ก็ศักดิ์สิทธิ์เสมอกันทุกพิมพ์...ไม่แตกต่างกันเลย
พระตระกูลวัดปากน้ำ ซึ่ง พระเดชพระคุณพระราชพรหมเถร (วีระ คณุตฺตโม) รองเจ้าอาวาสและพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้สร้างขึ้น
โดยมี พระราชญาณวิสิฐ (เสริมชัย ชยมงฺคโล) ผู้เป็นศิษย์ เป็นผู้ช่วยอำนวยการสร้างขึ้นทุกรุ่น ได้แก่
พระผงสมเด็จธรรมกาย (พิมพ์เหรียญกลม)
พระกริ่งรูปเหมือนหลวงพ่อสด
พระเหรียญภัตตาหาร (สมบัติจักรพรรดิ)
พระบูชาธรรมกาย
รูปเหมือนหลวงพ่อสด (ยืน)
ฯลฯ
เพื่อให้เป็นที่ระลึก แก่ผู้ร่วมสร้าง วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ในสถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี และแก่ผู้ตั้งทุนนิธิภัตตาหารคิลานเภสัช เพื่อใช้ดอกผลเป็นค่าภัตตาหาร และค่ารักษาพยาบาลพระภิกษุและสามเณร ผู้อยู่จำพรรษาเพื่อศึกษาและปฏิบัติธรรม ณ วัดหลวงพ่อสด ฯ
เหล่านี้ย่อมทรงความศักดิ์สิทธิ์ในพุทธานุภาพ
เช่นเดียวกับ พระผงธรรมขันธ์รุ่น ๔ และ พระธรรมกายรุ่น ๕ ของวัดปากน้ำทุกประการ ด้วยว่าเป็นพระที่สร้างขึ้น โดยพระผู้สร้างองค์เดียวกัน ผงมวลสารรุ่น ๑ - ๒ - ๓ เช่นเดียวกัน และผ่านการเจริญวิชชาธรรมกายชั้นสูงอย่างเดียวกันทุกประการ
แล้วยังได้รับการเจริญภาวนาวิชชาธรรมกายชั้นสูง
จากศิษยานุศิษย์ในพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ซึ่งมีทั้งพระภิกษุสามเณร...ผู้อยู่ประจำ และทั้งผู้มาเข้ารับการอบรมพระกัมมัฏฐานทุกรุ่น ณ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
เป็นประจำเสมอมา...ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ จนถึงปัจจุบัน
จะมีคุณพิเศษเป็นการเพิ่มเติม เฉพาะบางรุ่นบางพิมพ์บ้าง
ก็เนื่องแต่การเน้นอธิษฐานจิตขอบารมี พระพุทธเจ้า จักรพรรดิ และต้นธาตุต้นธรรมเป็นกรณีพิเศษ เช่น
พระเหรียญภัตตาหาร (สมบัติพระจักรพรรดิ)
ก็เน้นเรื่องจักรพรรดิ รัตนะ ๗ (พระภาคผู้เลี้ยง) เพื่อทับทวียังความสุข สมบูรณ์ บริบูรณ์
ด้วยมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ (มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑)
บังเกิดมีแก่ผู้มีศีลมีธรรม และมีพระนี้ไว้ในครอบครอง
ความจริง “พระทุกรุ่น ทุกพิมพ์”
... ก็มีพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ตามที่กล่าวนี้ด้วยกันทุกองค์ หรืออย่างเช่น
พระผงสมเด็จธรรมกาย (พิมพ์เหรียญกลม)
ด้านหลังมีภาพธาตุ ๖ อยู่ในดวงปฐมมรรค ชื่อว่า “พิมพ์ธาตุ ๖” ก็เน้นเรื่องการปฏิบัติภาวนาตามแนววิชชาธรรมกาย ผ่านดวงปฐมมรรค ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางกำเนิดธาตุธรรมเดิม ณ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เหนือระดับสะดือ ๒ นิ้วมือ เพื่อชำระธาตุธรรม เห็น จำ คิด รู้ คือ “ใจ” ให้ใสสะอาดบริสุทธิ์จากกิเลสนิวรณ์ ผ่านกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม (มีสติพิจารณาธรรมในธรรม คือ นิวรณ์ ๕) เพื่อเข้าถึง “ธรรมกาย” และ “พระนิพพาน” ตามรอยบาทพระพุทธองค์
สำหรับพิมพ์ที่ด้านหลัง มีภาพปราสาททำวิชชา ชื่อว่า “พิมพ์ซุ้มปราสาท” ก็เพื่อเน้นการเจริญภาวนาต่อไป
...ให้ถึงปราสาททำวิชชา ของพระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรมในอายตนะนิพพานเป็น เพื่อชำระสะสางธาตุธรรม คือ อาสวะ หรือ อนุสัยกิเลสต่อไปให้ถึงที่สุดละเอียด
เป็นการทำนิโรธ (ดับสมุทัย) ให้แจ้ง นั่นเอง
พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) และคณะศิษย์ผู้ทรงคุณวุฒิ
ได้สร้างพระวัดปากน้ำ และ พระตระกูลวัดปากน้ำขึ้น
ก็เพื่อให้แก่ญาติโยมสาธุชนได้มีไว้เพื่อ “ปฏิบัติบูชา”
โดยทาง ทาน ศีล ภาวนา,
ศีล สมาธิ ปัญญา,
ให้ยิ่งขึ้นไปเป็น อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ฯลฯ
เพื่อให้ ละชั่ว กระทำความดี ชำระจิตใจให้ผ่องใส
เพื่อสร้างพระในใจตน ให้ได้ถึง “ธรรมกาย” และ “พระนิพพาน” เป็นสำคัญ
แล้วพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และ พระสังฆคุณ
อันเกิดมีในตน...โดยมี “พระ” เป็นสื่อปฏิบัติภาวนาธรรม
จะคุ้มครองผู้ทรงศีลทรงธรรม และมีพระนั้นไว้ในครอบครองเอง ผู้ประพฤติผิดศีลและผิดธรรม หรือ ผู้ประพฤติละเมิดพระธรรมและพระวินัย จิตใจเศร้าหมอง ด้วยตัณหา ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ อยู่เนืองนิตย์
แม้จะมีพระรุ่นไหน ไว้มากมายพียงใด...ก็ช่วยอะไรไม่ได้
คือ หาความเจริญและสันติสุขไม่ได้ ทั้งในปัจจุบันและในสัมปรายภพ ประตูอบายภูมิทั้ง ๔ ก็เปิดรอรับอยู่ทุกเมื่อ
สิ้นบุญเมื่อใด ก็จะรู้รสผลของกรรมอันเป็นบาปอกุศลเมื่อนั้น
*** ที่มา
หนังสือ อานุภาพพระตระกูลวัดปากน้ำ
วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
อ.ดำเนินสะดวก
จ.ราชบุรี

หลวงพ่อสดกับข้าวสาร




#หลวงพ่อสดกับข้าวสาร
#ก่อนที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านจะมรณภาพประมาณ 5 ปี
ท่านได้เรียกประชุมคณะศิษย์ทั้งในและนอกวัดเป็นกรณีพิเศษที่ศาลาการเปรียญ #เพื่อแจ้งให้ทุกคนทราบว่าท่านจะถึงกาลมรณภาพในอีก 5 ปีข้างหน้า
กิจการใดที่ท่านได้ดำเนินไว้แล้วขอให้ช่วยกันทำกิจการนั้นๆ อย่าทอดทิ้ง ท่านบอกว่าต่อไปวัดปากน้ำจะเจริญรุ่งเรืองใหญ่โต
แม้ว่าท่านจะมรณภาพไปแล้วแต่ก็มีโอกาสช่วยวัดได้มากกว่ายังมีชีวิตอยู่ มีลูกศิษย์หลายคนได้อาราธนาขอมิให้ท่านมรณภาพ
#ท่านตอบว่าไม่ได้อีก 5 ปี #ท่านจะไม่อยู่แน่ๆแล้ว
#ตั้งโรงครัว
หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านปกครองทุกคนที่อยู่ในวัดไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุ
สามเณร อุบาสก อุบาสิกา
ศิษย์วัดแบบพ่อปกครองลูก
ท่านยึดหลักธรรมพรหมวิหาร 4 เป็นข้อปฏิบัติ
ความเป็นผู้มีเมตตาธรรมของท่านนั้น
เป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่ศิษยานุศิษย์มาตั้งแต่สมัยที่ท่านอยู่วัดพระเชตุพนฯ
บางวันท่านออกบิณฑบาตได้อาหารเพียงเล็กน้อย บางวันก็ไม่ได้อาหารเลย วันหนึ่งท่านได้อาหารมาเพียงทัพพีเดียวกับกล้วยน้ำว้า 1 ลูก
#ขณะที่กำลังจะฉันอาหารนั้น #ท่านเหลือบไปเห็นสุนัขแม่ลูกอ่อนผอมโซ อดอยากมาเดินป้วนเปี้ยน #ท่านบังเกิดความเมตตาสงสารจึงยอมสละอาหารมื้อนั้นให้เป็นทาน #ท่านจึงตั้งปณิธานไว้ว่าถ้ามีกำลังและโอกาสท่านจะตั้งโรงครัวเลี้ยงพระภิกษุ สามเณร #เป็นทานแก่ผู้อดอยากยากจนให้ได้ #และท่านก็ทำได้สำเร็จ #เป็นพระองค์แรกที่สามารถเลี้ยงดูพระภิกษุ สามเณร แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา ศิษย์วัดตลอดจนผู้มาปฏิบัติธรรมได้ทุกวัน #นับเป็นจำนวนพันก็เลี้ยงได้ #แม้เมื่อมรณภาพไปแล้วจนถึงปัจจุบัน
"#พวกเอ็งคอยดูนะ แม้เมื่อหลวงพ่อตายไปแล้ว ก็จะเลี้ยงดูให้พวกเอ็งได้อิ่มหนำสำราญ ไม่ต้องกลัว ขอเพียงให้ทุกคนตั้งใจศีกษาเล่าเรียน ตั้งใจปฏิบัติกันให้จริงจัง"
------------------------------------------------------------
แม่ชีพราหมณ์ ช้างเขียว
หลวง พ่อเป็นคนจริงจัง ทำอะไรทำจริงทำจัง พูดจริง ทำจริง พูดเรื่องอะไรก็ตาม รับรองได้เลยไม่มีคลาดเคลื่อนเลย คำพูดของท่านวาจาศักดิ์สิทธิ์ ท่านก็ไม่ดุ แต่ไม่รู้ทำไมกลัวท่าน ท่านรู้หมดแหละว่า ลูก ๆ ท่านเป็นยังไงเวลาเทศน์ ใครสักคนกำลังคิดอะไรอยู่ ท่านก็เทศน์แทงใจเลย คนนั้นก็จะรู้ด้วยตัวเอง เรากลัวก็กลัว แต่ก็รักหลวงพ่อ หลวงพ่อให้ช่างปั้นรูปหล่อของท่านไว้ ท่านจะเดินไปให้ช่างดูตัวทุกวัน ท่านรู้ว่าท่านจะเริ่มป่วย ก็เลยให้ช่างปั้นรูปท่านไว้ ภายในบรรจุของศักดิ์สิทธิ์มากมาย ฉันจำได้ตอนหลวงพ่ออายุราวๆ ๗๐ ปี หลวงพ่อผิวขาวสวยงามมาก ท่านดูผ่องใสมาก น่าเลื่อมใสศรัทธามาก ยิ่งตอนหลวงพ่อห่มจีวรใหม่จะดูหลวงพ่อสว่างทีเดียว
เวลาหลวงพ่อเทศน์ ถ้าวันไหนมีพระลงน้อย ท่านก็จะบอกว่า วันนี้พระแพ้แม่ชี แล้วท่านก็จะไม่เทศน์ด้วย พระก็จะต้องรีบวิ่งไปตามพระมา ตามมาจนเต็มโบสถ์ วันหลังพระก็เข็ด เวลาเทศน์ถ้ามีคนตะบันหมาก ท่านก็จะหยุดเทศน์ รอให้ตะบันเสร็จก่อน น่ากลัวมั้ยละ คนกำลังเทศน์อยู่ดีๆ ก็หยุดเทศน์ไปเฉยๆ วัยพฤหัสหลวงพ่อจะลงมาสอนธรรมะ ถ้าใครส่งเสียงดังรบกวน ท่านก็จะพูดไปเลยว่า เดี๋ยวหูหนวกนะ รบกวนคนกำลังปฏิบัติ เวลาจะมีผู้ใหญ่มาวัดปากน้ำ หลวงพ่อจะเดินตรวจวัด เดินไปตามทาง มองไปทางโน้นที ทางนี้ที ทุกคนรีบเก็บเสื้อผ้า เรียบร้อย รู้เลยว่าจะมีผู้หลักผู้ใหญ่มา
หลวงพ่อท่านเป็นคนประหยัด ละเอียดถี่ถ้วน เดินไปตามถนนท่านเจอเศษไม้เป็นท่อน ท่านเก็บเอามา ท่านบอกว่าเอาไว้ทำฟืนได้ พวกผ้าขี้ริ้วมันขาดแล้วก็อย่าเอาไปทิ้ง ปะมันจำเป็นอะไรมันรั่วขึ้นมา เอาน้ำมันยางโปะมันก็กันได้ ชั่วระยะไม่ให้ทิ้ง แล้วที่ล้างชามอย่าไปเทพรวดๆ ค่อยๆ ริน เอาน้ำออก แล้วไอ้ที่ก้นๆ ไปให้หมู ให้หมากินก็ได้ ท่านสอนละเอียดเลย สอนบ่อยๆ สอนมากๆ เข้าก็ค่อยๆ ซึมเข้าไป สมัยนี้ไม่มีใครทำหน้าที่สอนเหมือนหลวงพ่อวัดปากน้ำเลย
---------------------------------------------------------------
แม่ชีศรีปรุง อุบลนุช
พอตี ๓ แม่ชีต้องลุก ตวงน้ำใส่แก้ว ตั้งตามโต๊ะ กระโถนอยู่ตรงกลาง เดี๋ยวนี้ไม่ต้องตวงน้ำแล้วมีแก้วกับขวดตั้งสะดวกสบาย หลวงพ่อท่านเคยเรียกแม่ชีและบอกว่าโต๊ะตรงนี้นะ กระโถนตั้งตรงนี้ ตั้งเป็นระยะๆ ผ้าจะปูตรงกลางแล้วมีแก้วน้ำ กาน้ำแก้วน้ำนี้ต้องตวงด้วย ท่านบอกต้องทำให้สะอาดนะ ทำไปนะกุศลใหญ่ บุญใหญ่ สมัยนั้นยังใช้น้ำกรองตักจากแท้งค์ใหญ่ หลวงพ่อจะลงฉัน เวลาพระฉันก็ได้ยินแต่เสียงช้อน ไม่ให้คุยกัน พระเยอะๆ ก็ไม่ให้นั่งคุย ถ้าคุยท่านก็จะถาม “ฉันข้าวหรือกินเหล้า” ไม่ให้พูด ได้ยินแต่เสียงช้อนเพราะว่าเป็นชามกระเบื้อง แต่ก่อนแม่ชีท้วมเป็นแม่ครัวดูแลครัวทั้งหมด มาอยู่ก่อน ๕ ปี แม่ชีเขาจะมีเวรทำวิชชาไม่ขาดสาย พอเวรนี้ออกคนโน้นก็มาแทนเปลี่ยนเวรกัน ไม่ให้ขาด หมุนเวียนไปเรื่อยๆ แล้วจะจัดสำหรับเอาไว้ให้ต่างหาก
--------------------------------------------------------------------
พระอาจารย์สุวิชา เปสโล คณะเนกขัมม์ วัดปากน้ำ
เมื่อก่อนวัดปากน้ำไม่มีอะไรหรอก ริเริ่มก็เป็นวัดเก่าแก่ กุฏิก็มีไม่กี่หลัง สมัยหลวงพ่อที่นี่ก็เป็นสวนพลู สวนหมาก สวนมะพร้าว สวนเงาะ กุฏิเป็นกุฏิเล็กๆ ยกขึ้น ปลูกด้วยไม้สัก พักได้องค์เดียว อยู่ตามร่องสวน สมัยหลวงพ่อ ตึกยังไม่มี ยกโรงกลางสนามวัดให้พระได้ศึกษาเล่าเรียนปริยัติธรรม ไม่ได้สร้างอะไร อยู่มาพระเณรมากขึ้น ไม่มีที่ศึกษาเล่าเรียน มีคนเขาให้หลวงพ่อช่วยสร้างโรงเรียนขึ้นสักหลัง ต่อมาจึงมีการสร้างพระของขวัญขึ้น องค์ละ ๒๕ บาท เพื่อนำเงินมาสร้างโรงเรียนหลวงพ่อบอกว่า เราต้องสร้างคนเสียก่อน ให้มีความรู้ ความเข้าใจในพระพุทธศาสนา ให้รู้จักธรรมะ ให้รู้จักบุญ รู้จักบาป รู้จักคุณ รู้จักโทษ เดี๋ยวเขาก็สร้างเอง เขามีศรัทธาเดี๋ยวเขาก็สร้างเอง ไม่ต้องบอก แล้วอีกอย่างหนึ่งที่หลวงพ่อสอนทุกเช้า คือเมื่อพระภิกษุสามเณรบวชมาแล้วให้ตั้งอยู่ในธรรมวินัย ไม่ต้องวิ่งไปหาญาติโยม ให้อยู่ในวัด ประพฤติปฏิบัติให้ดี เมื่อเราประพฤติปฏิบัติดี เดี๋ยวเขาก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาก็เอาอาหารมาถวายเอง หลวงพ่อมีอุดมคติอย่างนั้น พระภิกษุสามเณร อุบาสก แม่ชีจึงต้องปฏิบัติกันทุกคน ไม่ต้องกลัวอด ถ้าอดเป็นอด ตายเป็นตาย ขอให้เราประพฤติ ปฏิบัติจริง ตั้งอยู่ในพระธรรมวินัยจริง มนุษย์ไม่เห็น เทวดา ผีสางก็เห็นเขาก็สรรเสริญเอง
หลวงพ่อมีลูกศิษย์ ลูกหาอยู่ทั่วประเทศ สมัยนั้นพระเณรหลวงพ่อไม่ให้มีวิทยุ โทรทัศน์ ไม่ให้จับเงิน จับทอง แต่ก่อนพระเณรที่มาอยู่กับหลวงพ่อให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหาร หลวงพ่อมีโรงครัวเลี้ยง มีพระจบเปรียญกันมากมายจากวัดปากน้ำ หลวงพ่อสด ท่านสอนว่าใครจะโจมตีเรายังไงก็แล้วแต่ ท่านให้เราเป็นเสาหิน เรียกว่าจะมีพายุทั้ง ๔ ด้านมาเราก็เฉย มี ครั้งหนึ่งมีคนมาด่าหลวงพ่อที่หน้าโบสถ์ ขณะหลวงพ่อกำลังเทศน์อยู่ หรือมีคนเอาปืนมาลอบยิงท่าน ท่านก็ไม่ว่าอะไร อยากจะทำก็ทำไป เพราะเขาอิจฉาหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านบอกว่า เราหยุด หยุดเป็นพระ ชนะเป็นมาร เราไม่หนี เราไม่สู้ แต่เราปฏิบัติ เราก็ทำความดีของเราเรื่อย เดี๋ยวไอ้พวกมาร พวกอิจฉาก็หายไปเอง เรานั่งเฉย ไม่ต้องไปโต้ตอบอะไร เขาด่าเราภายใน ๗ วัน เหนื่อยมันก็หยุดไปเอง ไม่โต้ตอบ ชนะด้วยความดี
#ในการมาเรียนพระปริยัติธรรม #แต่ก่อนมีพระเณรมาเรียนกันมาก มีถึง ๖๐๐ กว่าองค์ #หลวงพ่อบอกว่าเลี้ยงไหว #ท่านบอกว่าเมื่อจั้งใจมาเรียนแล้ว #แม้จะคับที่ก็ขอให้อยู่ได้ #อัศจรรย์อย่างหนึ่ง #คือหลวงพ่อเลี้ยงอาหารไหวตลอด #เดี๋ยวก็มีคนเอาข้าว #เอาอะไรต่ออะไรมาถวายทีหนึ่งก็เป็นลำเรือ

วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2560

หลวงพ่อจรัญไปเรียนกับหลวงพ่อสด




หลวงพ่อจรัญไปเรียนกับหลวงพ่อสด
เมื่ออาตมาไปอยู่กับหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ
อาตมาขอเล่าเรื่องพิเศษสักเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องที่มีประโยชน์ อาตมาไปอยู่กับหลวงพ่อสดสองรุ่นด้วยกัน รุ่นแรก พ.ศ. ๒๔๙๓ รุ่นที่สอง พ.ศ. ๒๔๙๖
เวลาบ่ายสองโมงมีญาติโยมมาหามาก ใครมีทุกข์ร้อนให้เขียนชื่อ นามสกุล หรือวัน เดือน ปีเกิด ก็ได้ใส่บาตรไว้ ท่านจะออกรับแขกเวลาบ่ายสองโมง อาตมาก็ไปเป็นลูกศิษย์ท่าน
นอกจากนี้ยังมีการแจกพระและรูป บูชาองค์ละ ๒๕ บาท หรือ ๓๐ บาทก็มี รูปบานละ ๒๕ บาท อาตมาได้ตำรานี้มา
วันหนึ่งอาตมาบอกหลวงพ่อว่า “ขอบูชาพระสักกำเถอะ จะนำไปแจกญาติ” ท่านบอก “ไม่ได้ ต้องเอาไปองค์เดียว” อาตมาก็ไม่ทราบว่านโยบายท่านทำไมให้องค์เดียว
อาตมาก็ไปเซ้าซี้ถามท่าน ท่านก็ตอบออกมาคำหนึ่งว่า “นี่เธอให้เธอไว้มาก ๆ ถ้าเธอโลภมากเอาไปขาย เธอเป็นบาปนะ เขาไม่ได้เคารพนับถือก็ไปเที่ยวแจกเขาส่งไป ปัญหาอยู่ตรงนี้ และอีกประการหนึ่งถ้าเขาเคารพบูชา ให้เขามารับเอง” ท่านพูดมีเหตุผล
อาตมาก็บอกว่า “หลวงพ่อครับ ญาติผมเยอะนะ” ก็ยังไปเซ้าซี้กับท่านอีก วันสุดท้ายท่านบอก “ตามใจ”
อาตมาก็บอกว่า “ตามใจ อย่าให้เป็นบาปนะหลวงพ่อนะ” หยิบใส่ย่ามมา จะเป็นบาปหรือไม่ก็ไม่ทราบ ได้มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๖ เดี๋ยวนี้ไม่มีเหลือติดย่ามสักองค์เดียว
ประการที่สอง อาตมาได้ตำราอีก เวลาพักผ่อนท่านให้เข้าไปในห้อง ท่านให้คลี่กระดาษที่คนเขียนใส่บาตร อ่านให้ท่านฟังว่า เขาเขียนให้ช่วยเรื่องอะไร
อาตมาก็อ่านชื่อ ก. ชื่อ ข. นามสกุลนี้ วัน เดือน ปี นี้ ขอให้ช่วยลูกไปต่างประเทศ ขอให้ช่วยอย่างโน้นอย่างนี้
พอท่านฟัง บอก “อื้อ! ฉีกทิ้ง” ท่านบอกว่า “แผ่ไม่ออก ช่วยไม่ได้ คนนี้ช่วยไม่ได้ พรุ่งนี้เขาจะตายแล้ว” อาตมาก็ลักจดเข้าไว้ พรุ่งนี้ตายจริง ๆ
ท่านบอกว่า “คนที่ไม่มีกุศลนะ แผ่ไม่ออก”
อีกใบหนึ่งเขียนว่า “หลวงพ่อคะช่วยดิฉันด้วยค่ะ สามีทิ้งดิฉันแล้ว เขาขอฟ้องหย่าแบ่งสมบัติ วันนั้นขึ้นศาล มีบุตรด้วยกัน ๕ คน” ก็อ่านให้ท่านฟัง
ท่านบอกว่า “รายนี้เก็บไว้ ใส่อีกบาตรหนึ่ง รายนี้ช่วยได้”
วันหลังต่อมา อาตมากราบเรียนถาม “หลวงพ่อครับ ที่ช่วยได้กับช่วยไม่ได้ เป็นอย่างไรนะครับ”
ท่านบอก “ อ่านดูก็รู้แล้ว คนนี้กุศลไม่พอ กุศลไม่มี เลยช่วยไม่ได้”
ท่านอธิบายว่า “เหมือนคนช่วยตัวเองไม่ได้ จะช่วยเขาอย่างไรได้เล่า” แหม! อาตมาได้ตำรา
และท่านบอกว่า “กรรมฐานนี่ดีที่สุด ไม่ต้องใช้คาถา เรานั่งกรรมฐานก่อน ยกจิตให้เป็นกุศล มีเมตตา ไม่อิจฉาริษยาใคร หมดปัญหาไม่พอใจใคร แล้วแผ่ออกไปตามชื่อนั้น ๆ หรือจะแผ่ทั่วไปก็ได้ ถ้าเขามีกุศลพอช่วยได้ ถ้าไม่มีกุศลก็ช่วยไม่ได้”
คนเข้ามากราบท่านเวลาบ่ายสองโมง เขียนใส่บาตรเต็มเลย ได้เงินเข้าวัดมาก
ท่านบอกว่า “เราทำอะไรนะคุณนะ ถ้าโลภมากอยากได้ของเขาแล้วแผ่ไม่ได้ผล ถ้าเราไม่อยากได้ของใคร วางจิตให้เป็นกลาง ทำใจให้สบาย ทำจิตให้เป็นปกติมักจะได้”
อาตมาออกมาจากวัดได้เคล็ดลับนี้มา ก็ขอฝากไว้ด้วย
ท่านสอนอาตมาว่า “นี่เธอจะช่วยคนไหนก็ให้เขาช่วยตัวเองได้ ถ้าเขาช่วยตัวเองไม่ได้ คุณไปช่วยเขา คุณเสียเวลานะ คนช่วยตัวเองไม่ได้ ไม่ต้องสนใจ แผ่อย่างไรก็ออกไม่ได้”
อีกประการหนึ่ง คนนี้ช่วยได้แต่จิตเราไม่ดี จิตเราไม่เป็นกุศลกระแสไฟหมด จิตมันหดหมดอาลัยตายอยาก ช่วยเขาก็ไม่ได้ ขอฝากไว้ด้วยทุกคน
อาตมาได้ตำรานี้มาแผ่เมตตาได้ผลมาจนถึงทุกวันนี้
มีอยู่วันหนึ่ง หลวงพ่อสดกำลังแจกของ อาตมาก็นั่งอยู่ด้วย โยมท้วมมาบอกว่า “หลวงพ่อ มะพร้าวหมดแล้ว ข้าวสารก็หมด” ตอนนั้นยังไม่ร่ำรวยเหมือนสมัยนี้
หลวงพ่อร้อง “อือ ๆ โยมไม่เป็นไร โยมไปเถอะ เดี๋ยวเขาเอามาให้”
รุ่งขึ้นเช้า มะพร้าวมาจากบางช้าง ๒ ลำเรือ ข้าวสารมาจากไหนไม่ทราบ ขนกันแทบแย่เลย อาตมาก็ยังช่วยขน ไม่เห็นท่านว่าคาถาอะไร
อาตมาก็ได้ตำราท่านมา ท่านบอกว่า “ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด หมดก็ไม่มา เราไม่หวงกัน เราก็ไม่อด หมดก็มาเรื่อย ๆ”
ท่านบอกให้ยกจิตให้สูง แผ่เมตตาออกไปให้ได้ ผลจากการแผ่เมตตา ใครเป็นญาติอยู่ที่ไหนก็จะนำมาให้
อาตมาได้ใช้ตำราของท่านมาจนทุกวันนี้
เมตตาบารมีของหลวงพ่อ
คือหลวงพ่อภาวนาวิสุทธิคุณ เปี่ยมการุณเมตตาจะหาไหน
ช่วยดับทุกข์ดับร้อนช่วยรอนภัย เป็นร่มไทรให้ประชามาพักพิง ฯ

วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ลูกแก้วจุยเจียที่ผม (อู๋) ใช้ประจำ





เล่าไว้กันลืม
นี่คือลูกแก้วจุยเจียที่ผม (อู๋) ใช้ประจำ เป็นลูกแก้วประจำตัวที่มีน้องชายท่านหนึ่งมอบไว้ให้ เดิมนั้นผมนั่งสมาธิโดยไม่ได้กำหนดลูกแก้ว แต่ใช้ใจที่สงบกำหนดดูจิตไปเรื่อยๆ ทำให้ผมสามารถเข้าภวังค์และนั่งสมาธิได้นาน การนั่งสมาธิแต่ละครั้งจะนั่งประมาณ 1.30-2 ชั่วโมง เคยนั่งจนข้ามคืนถึงเช้ามาแล้วด้วย เมื่อออกจากสมาธิก็จะมีจิตใจที่สบายมาก (เพราะจิตได้พักอย่างเต็มที่) ผลเสียที่ตามมาโดยไม่รู้ตัวก็คือการหลับในสมาธิ มีการโยกตัวไปมาโดยที่ผมเองก็ไม่รู้ตัวเพราะจิตมันอยู่ในภวังค์เสียแล้ว เสียงรบกวนภายนอกไม่มีผลต่อการนั่งสมาธิของผมเพราะเสียงเหล่านั้นจะเบามาก แต่ก็ทำให้สมาธิไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร

เมื่อมีครูบาอาจารย์เก่งๆ หลายท่านทักว่าอย่าเอาแต่เข้าภวังค์มันจะไม่เป็นผลดี (ท่านเตือนโดยที่ผมไม่ได้บอกอะไรก่อนเลย) ทำให้ผมคิดได้ว่าผมเดินมาผิดทางเสียแล้ว จึงได้เปลี่ยนวิธีนั่งสมาธิใหม่โดยพยายามหาลูกแก้วมาเป็นนิมิต แล้วพยายามไม่ให้นิมิตนั้นหายไป ถ้านิมิตยังอยู่ก็แสดงว่าไม่หลับแน่นอน ช่วงที่ไม่มีลูกแก้วผมก็ต้องใช้รูปภาพของลูกแก้วแทน น้องคนนี้เขารู้ว่าผมอยากได้ลูกแก้ว เขาก็อุตส่าห์ไปตามหาลูกแก้วมาให้ผมใช้จนได้

วิธีหาลูกแก้วของน้องคนนี้ก็ไม่เหมือนใคร เขาใช้การเข้าธรรมกายแล้วใช้ญาณของพระธรรมกายไปตรวจดูว่าลูกแก้วของผมนั้นอยู่ที่ไหน เขาก็เห็นในญาณทัศนะว่าลูกแก้วของผมนั้น จะมาจากถ้ำแห่งหนึ่งในแถบชายแดนของประเทศจีนบริเวณติดกับประเทศคาซัคสถาน ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำที่หนาวเย็นมากภายในถ้ำกำลังถูกขุดเป็นเหมืองหินแร่ที่เป็นบริษัทของชาวจีน เขาเลยกำหนดจิตเพื่อหาทางติดต่อกับบริษัทแห่งนี้ ก็เกิดเห็นเป็นหมายเลขโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างชัดเจน โอ้โหวิชชาธรรมกายทำได้ถึงเพียงนี้นะครับ หมายเลขนี้จะเป็นจริงหรือไม่ก็ไม่รู้เลยต้องลองติดต่อไปดู ก็ปรากฏว่าเป็นหมายเลขของบริษัทคนจีนที่ทำการค้าขายแร่อัญมณีจริงๆ เสียด้วย

ทางบริษัทนี้เขาก็มีผู้ค้าที่อยู่ในประเทศไทยซึ่งทำการซื้อขายอัญมณีและลูกแก้วจุยเจียกันอยู่แล้ว เขาจึงให้เบอร์โทรและชื่อคนที่จะติดต่อ เมื่อได้คุยกับคนที่อยู่ในประเทศไทย น้องคนนี้จึงนัดแนะและเดินทางไปดูที่ร้านเพื่อขอซื้อลูกแก้วจุยเจียมาให้ผม ดังนั้นลูกแก้วที่ผมใช้อยู่ประจำนี้จึงจะนำไปให้ใครหรือนำไปขายต่อไม่ได้ เพราะได้มาฟรีและน้องเขาให้มาด้วยความปรารถนาดีอยากให้ผมได้ธรรมกายไวๆ เมื่อได้ลูกแก้วประจำตัวมาแล้วก็ต้องทำการอัญเชิญพระจักรพรรดิให้มาประจำลูกแก้วดวงนี้ น้องคนนี้จึงต้องเข้าธรรมกายแล้วไปถามพระพุทธเจ้าว่าพระจักรพรรดิองค์ไหนที่มีความเกี่ยวข้องกับผม ก็ได้ทราบว่าเป็นพระจักรพรรดิของพระพุทธเจ้าเมธังกโร ลูกแก้วของผมจึงมีชื่อเรียกตามชื่อของพระจักรพรรดิที่สถิตอยู่ว่า "ลูกแก้วพระจักรพรรดิเมธังกโร"

ผมอยากเล่าเรื่องนี้ไว้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ทราบ ไม่รู้ว่าจะนำเรื่องนี้ไปเล่าที่ไหนดีเลยขอนำมาลงไว้ในหน้าเฟซของผมเองก็แล้วกัน เพื่อเป็นการขอบคุณน้องชายผู้ที่นำลูกแก้วนี้มาให้ ให้เขารู้ว่าผมไม่เคยลืมเรื่องนี้และได้ใช้ลูกแก้วดวงนี้เป็นประจำทุกวันไม่เคยขาดเลยตั้งแต่วันแรกที่ได้มา ใครที่คิดว่าวิชชาธรรมกายไม่ใช่ของจริงก็ขอให้พิจารณาใหม่จากเรื่องของผมที่เล่ามานี้นะครับ

(เพิ่มเติม) เมื่อผมได้ใช้ดวงแก้วจักรพรรดิเมธังกโรนี้ได้ระยะหนึ่ง เมื่อมีโอกาสผมจึงได้นำไปให้หลวงป๋าท่านดูเพื่อจะขอให้ท่านเสกอาราธนาซ้อนพระจักรพรรดิให้เข้ามาสถิตย์ในดวงแก้วนี้ เมื่อหลวงป๋าท่านได้หยิบดวงแก้วนี้ไปดูเพียงครู่เดียวท่านก็พูดว่า "ไม่ต้องซ้อนพระจักรพรรดิเข้าไปอีกแล้ว เพราะดวงแก้วนี้ได้ผ่านการซ้อนพระจักรพรรดิมาอย่างดีแล้วนี่" พูดเสร็จท่านก็ยื่นดวงแก้วจุยเจียนี้คืนมาให้ผมโดยไม่ได้เสกเป่าเพิ่มแต่อย่างใด หลวงป๋าท่านตรวจดูเพียงแป๊บเดียวท่านก็รู้แล้ว เพราะก่อนที่น้องเขาจะนำดวงแก้วนี้มาให้ผม เขาได้ขึ้นไปขอให้พระพุทธเจ้าองค์ต้นและหลวงพ่อสดให้ท่านอาราธนาพระจักรพรรดิเมธังกโรให้เข้ามาสถิตย์อยู่ในดวงแก้วนี้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมก็รู้เรื่องนี้แต่ผมไม่บอกหลวงป๋าก่อนหรอก ให้ท่านตรวจดูเอาเอง 555 สาเหตุที่ทำไมต้องเป็นพระจักรพรรดิเมธังกโรด้วย ก็เพราะมีชาติหนึ่งที่น้องเขาบอกว่้าผมเคยได้ถวายธาตุกายสิทธิ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งแก่พระพุทธเจ้าเมธังกโรนั่นเอง ดังนั้นจึงต้องอัญเชิญพระจักรพรรดิที่ดูแลรักษาพระพุทธเจ้าเมธังกโรนี้ ให้เข้ามาสถิตย์ในดวงแก้วดวงนี้เพราะว่ามีบุญเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันนั่นเอง

วันพุธที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2560

อานุภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำ1


#อานุภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำ1
บทสัมภาษณ์คุณประหยัด ปัจจุบันทำเหมืองที่ลำปาง มีคนมาชวนค้าส้มส่งสิงคโปร์ แล้วเกิดขาดทุนและหักหลังไม่จ่ายเงินให้ ทำให้คุณประหยัดต้องขายที่สวน ด้วยความเจ็บแค้นจึงตั้งใจจะไปฆ่าเขาให้ตาย.... ดังนี้
#ผมได้ชวนเพื่อนมาด้วยคนหนึ่งนั่งเรือยนต์ผ่านหน้าวัดเข้าไป แต่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านรู้ได้อย่างไรไม่ทราบ ท่านบอกกับแม่ผมว่า “เมี้ยน วันนี้ลูกจะมาหา บอกให้มาหลวงพ่อก่อน” แล้วผมก็แล่นเรือผ่านไป จะตรงไปบางคะแนะน้อย ซึ่งจะต้องผ่านหน้าวัด แม่ผมนั่งอยู่ที่ศาลา ท่านก็กวักมือเรียกผม ผมก็จอดเรือแล้วก็ขึ้นมากราบท่าน
ขณะนั้นกุฏิพระยังเป็นไม้อยู่ แม่บอกให้ผมไปกราบหลวงพ่อ ท่านนั่งอยู่ ผมก็ตรงเข้าไปกราบท่าน #แล้วท่านก็บอกว่า“เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร เขาฆ่าเรา เราฆ่าเขา เขายิงเรา เรายิงเขา ฉิบหายกับตายโหงเท่านั้นเอง ให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกันเสีย คนเราถ้าจองเวรจองกรรมกัน มันก็เหมือนลูกโซ่ มันจะคล้องกันไปไม่รู้จักหมดจักสิ้น”
ผมก็เฉยไม่พูดว่ากระไรทั้งสิ้น ท่านก็เทศน์ของท่านเรื่อยไป และบอกกับผมว่า หลวงพ่อขอได้ไหม ขอบิณฑบาตที่กำลังคิดอยู่นี่ ผมก็ไม่บอกให้หรือไม่ให้ ผมก็นั่งเฉยของผมเรื่อยไป
จนกระทั่งท่านเหลียวมาอีกที ท่านจึงเห็นเพื่อนของผมที่นั่งอยู่ถัดไป
ท่านก็ถามผมอีกว่า #รักกันมากไหม #ผมก็บอกว่ารักกันมากตายแทนกันได้ ท่านก็บอกว่า #ไม่จริงหรอก ผมก็โมโห เอ๊ะ! หลวงพ่อนี่พูดอย่างไร ใจของผมขณะนั้นโมโหจริงๆ ทำไมหลวงพ่อพูดอย่างนี้ ก็เรารักกันมากถึงกับจะตายแทนกันได้ แล้วเราก็จะไปฆ่าเขา เราก็จะไปด้วยกัน
ท่านก็ย้ำคำพูดว่า #ไม่จริงๆเพื่อนน่ะเขารักเราแต่เราซิไม่ได้รักเพื่อน ลองคิดดูซิว่า ถ้าเราไปยิงเขาเพื่อนต้องไปติดคุกกับเราด้วย ไม่ใช่เรื่องอะไรของเขาเลย เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย
#ผมนั่งฟังท่านสอนด้วยความสนใจ และคิดได้ทันทีว่าจริงอย่างท่านพูด ผมนึกแล้วยังขนลุยเลย ผมเลยบอกท่านว่าผมขอถวายท่านแล้ว ผมจะไม่ไปฆ่าเขาอีกแล้ว
#ตอนแรกที่คิดไปนี้ ตั้งใจจะไปฆ่าเขา แต่ผมก็แปลกใจตอนที่ว่า #ทำไมหลวงพ่อท่านถึงรู้ว่าผมจะมา แล้วก็บอกให้แม่ผมไปคอยดักอยู่ว่าลูกจะผ่านมา ให้เรียกมาพบท่านหน่อย
#ตั้งแต่นั้นมาผมก็เลื่อมใสศรัทธาท่านเป็นอย่างมาก และผมก็รับพระจากท่าน ท่านยังบอกด้วยว่า #เอาไว้นะรักษาไว้ให้ดี #จะมีเงินทองเป็นล้าน เราก็คิดแต่ในใจว่า ชีวิตอย่างเรามันจะเป็นไปได้อย่างไร จะไปเอาที่ไหนมา ผมก็นึกอยู่อย่างนี้ แล้วผมก็เคารพนับถือหลวงพ่อของผมเรื่อยมา จนบัดนี้ผมเชื่อแล้วว่า ที่ท่านพูดไว้นั้นมันเป็นไปได้จริงๆ #ปัจจุบันมีเงินเป็นล้านแล้วครับ...
**บทสัมภาษณ์คุณประหยัด กาญจนประเสริฐ ปี 2522
***หนังสือพระกฐินพระราชทานปี 2522

วันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2560

หลวงปู่ฯ ให้ธรรมมะ แก่พระสุวิทยา จันตะธัมโม





ศิษย์หลวงปู่ฯ อธิษฐานกรรมฐาน
และหลวงปู่ให้ธรรมมะ
ที่มา : หลวงปู่ฯ ให้ธรรมมะ แก่พระสุวิทยา จันตะธัมโม Prasuvittya Juntatummo (สมัยก่อนบวช) บันทึกเสียงในวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๒
ลูกศิษย์ :
“... ออกจากความเพียร ซึ่งได้ครบกำหนดเช้าวันนี้ซึ่งเป็นวันที่ ๒๕ มกราคม เพื่อรับศีล ๘ และศีล ๕, ศีล ๘ ในวันพระ ด้วยเห็นว่า ลูกยังปฏิบัติความเพียรรักษาศีล สมาธิ ปัญญา ภาวนา วิปัสสนากรรมฐานยังไม่ดีพอ ลูกจึงจะขอเข้าความเพียรกรรมฐานในปีนี้เพิ่มเติมขึ้นอีก สัจจะใหม่ เข้าความเพียรรักษาศีล ภาวนา สมาธิภาวนา ปัญญา วิปัสสนากรรมฐาน ให้ ณ วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๓๒ ตรงกับวันพุธ สัจจะ ให้สัจจะต่อหลวงพ่อคำศรี รัตนโคตร อันเนื่องจากลูกเห็นว่า ในปีนี้ได้ปฏิบัติรักษาศีลทำความเพียร กรรมฐานได้ ๒๒ วัน โดยได้ออกมาในวันนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๓๒ การปฏิบัติก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร เหตุด้วยเป็นคฤหัสถ์จะถือ ศีล ๕ ศีล ๘ ในวันพระ ลูกสมควรที่จะเป็นพุทธศาสนิกชนอยู่ในบวรพระพุทธศาสนาที่ดีกว่านี้ ที่มีความเลื่อมใสปรารถนาดีต่อครูบาอาจารย์ และศาสนา ต่อหลวงพ่อคำศรี รัตนโคตร ลูกสมควรที่จะปฏิบัติรักษาศีลทำความเพียร วิปัสสนากรรมฐาน ในปีนี้ให้ได้ครบ ๘๐ วัน ซึ่งตรงกับการที่พระศรีอาริยเมตไตรโย สร้างบารมี ๘๐ ทัศ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา พระศรีอาริยเมตไตรโยบูชา หลวงพ่อคำศรี รัตนโคตร บูชาต่อไป อนึ่งได้ปฏิบัติมาแล้ว ๒๒ วัน ก็ยังเหลืออีก ๕๘ วัน จึงจะครบ ๘๐ วัน ลูกจะปฏิบัติทำความเพียรนี้โดยแบ่งเฉลี่ยเป็นเดือนๆ ไป แต่ถ้าเดือนไหนๆ ไม่ได้ปฏิบัติ ก็จะเอามารวมในเดือนถัดๆ ไป โดยจะรับประทานอาหารก่อนเที่ยง ซึ่งเหลือจากการถวายข้าวพระที่หิ้งพระตอนเช้า ก็มีอาทิเช่น ข้าว ผลไม้ หรือขนม และก็จะรับกาแฟ นม น้ำตาล ประเภทโอวัลติน น้ำ บุหรี่ โดยปกติ และอาหารที่ไม่ผิดกฎของกรรมฐาน หลังจากเที่ยงไปแล้ว
ลูกขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย มีพระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ พระศรีอาริยเมตไตรโย และหลวงพ่อคำศรี รัตนโคตร และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ขอให้การทำบุญต่างๆ ที่ได้ปฏิบัติมาและจะปฏิบัติต่อไป ขอให้ลูกได้รับผลบุญ สำเร็จมรรคผล คิดสิ่งใด ให้สมความปรารถนาทุกประการ เจริญทั้งอายุ วัณณะ สุขะ พละ ทุกทิวาราตรี โชคดี ลาภดี มีชัย พ้นบาปเวรมารภัย กรรมไม่ดีทั้งปวง ได้ถึงพระบารมี ของพระศรีอาริยเมตไตรย์ อันเป็นธรรมซึ่งท่านได้อภิสิทธิ์จากพระพุทธเจ้าแต่เพียงผู้เดียว ได้ถึงบารมีธรรมของหลวงพ่อคำศรี รัตนโคตร เทอญ สาธุๆ
พระพุทธะคุณัง ข้าขอถวายชีวีตัง ยาวะนิพพานัง สรณัง คัจฉามิ
พระธัมมะคุณัง ข้าขอถวายชีวีตัง ยาวะนิพพานัง สรณัง คัจฉามิ
พระสังฆะคุณัง ข้าขอถวายชีวีตัง ยาวะนิพพานัง สรณัง คัจฉามิ
พระศรีอาริยเมตไตรโย คุณัง ข้าขอถวายชีวีตัง ยาวะนิพพานัง สรณัง คัจฉามิ
หลวงพ่อคำศรี รัตนโคตร คุณัง ข้าขอถวายชีวีตัง ยาวะนิพพานัง สรณัง คัจฉามิ
ขอให้ลูกสมความปรารถนาทุกประการเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ”
หลวงปู่ทองทิพย์ฯ :
“... ได้ทำเพียร หรือตามสัญญาที่ผ่านมา ในการที่รักษาสัจจะวาจา ตลอดถึงด้านศีล สมาธิ ปัญญา ที่ทำให้เห็นว่า กรรมฐานที่เราได้เพียรประพฤติหรือปฏิบัติตามเยี่ยงอย่างคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ ดำเนินตามรูปรอยของพระผู้มีพระภาค ให้ไปถึงที่ว่าเป็นอริยะของบุคคล ผู้อนาคตหน้าฉันใดก็ดี ที่เรามีวิสัยที่ พินิจพิจารณารูปกรรมฐานนั้นแหละคือว่า เห็นเป็นทุกขัง อนิจจัง อนัตตา กายสังขาร วจี และมโนสังขาร ที่เขาทั้งหลายได้ปรุงให้เรามา ที่อุบัติบังเกิดเป็นรูปมนุษย์ ที่จะพึงมากระทำดี เพราะเราได้มาพบพระพุทธศาสนา เห็นว่าพุทธศาสนานี้เป็นของที่ว่า จะนำสัตว์ สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงให้ไปถึงยอด คือพระปรินิพพาน อันที่หมดกิเลส หรือหมดกองทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงในชาติ หรือภพนั้นๆ ถึงแม้นว่าที่เราอาจไม่ถึงภพหรือชาติอันนั้นๆ ก็ดี ที่เราจะหันมาเป็นมนุษย์ก็ดี มีหวังที่จะให้เป็นมนุษย์ที่สวยงาม หรือเป็นมนุษย์ที่มีสมบัติพัสถานฉันใดก็ดี นั้นเป็นเยี่ยงอย่างของพระอริยเจ้าทั้งหลายทั้งปวง อันที่ไม่ประมาท เพราะฉะนั้น เราจะพิจารณาว่า ฉันใด ซึ่งที่รูป หรือเพศไหน วัยไหนแล้วก็ตาม ที่อุบัติบังเกิดมาเป็นมนุษย์ที่จะยอมรับได้ ส่วนหนึ่งว่า ทรัพย์ทั้งสองประการนั้น คือโลกียทรัพย์ โลกอุดรทรัพย์ก็ดี อันที่เป็นที่เราหลีกหนีไม่พ้น คือทรัพย์นั้นๆ อาจจะเกิดขึ้นได้ก็แต่ว่าความประพฤติคุณงามความดี ศีลธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เราจะตั้งสัจจะอธิษฐาน คือการประพฤติอันนั้น ให้น้อยตามโลภ โกรธ หลงลงไป ถึงจะตรงเห็นว่า ทรัพย์นั้นบังเกิดขึ้นด้วยปัญญาธรรม หรือ ด้วยการประพฤติธรรม ที่ให้เป็นรากฐาน ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายรับเป็นพยาน ณ กาล นั้นๆ ก็คือ มีอินทร์พรหม ยมภิบาล จตุโลกบาลทั้ง ๔ หรือพระภูมิเจ้าที่ พระธรณีนั้นๆ อันเป็นภาคพื้น ที่ตัวแทนรักษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กุลบุตรสุดท้ายภายหลัง หรือปัจจุบันก็ตาม ผู้ที่มีได้อัตภาพดีมีคุณค่าดี เป็นสตรีหรือบุรุษ หรือเพศไหน วัยไหนก็ตาม ถ้ามาพิจารณาความจริงดังนี้ จึงจะเกิดผลคุณงามความดีได้รับสมยอดปรารถนา คือ สตรี หรือบุรุษนั้นๆ ฉันใดก็ดี จึงเอาความเพียรมาถึงที่ จุดหมายปลายทางที่ ๒๒ วัน คือ ๓ สัปดาห์ อันแต่สัปดาห์นั้นๆ เราจะทำเพียรอยู่ ณ วันเวลานั้นๆ ถึงสัปดาห์ ทีนี้ก็ที่มอบความจริงหรือความสัตย์นั้นๆ ร่างกายสังขารที่บูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม อรหันต์ ที่จัดว่าเป็นพระรัตนตรัย ที่พึ่งพำนักอาศัยของเรา อันที่มนุษย์หรือสัตว์ทั้งหลายยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นทรัพย์อันประเสริฐ ล้ำเลิศกว่าทรัพย์ทั้งหลายทั้งปวง คือพระรัตนตรัย อันเป็นยอดทรัพย์ในโลกอุดร หรือยอดทรัพย์ในโลกีย์ ฉันใดก็ตาม ทรัพย์ ๓ ประการนี้คือ พุทธรัตนะนั้น ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ๓ ประการนี้เป็นทรัพย์ที่ยอดยิ่งหรือยอดเยี่ยม มีคุณค่ามหาศาลกว่าทรัพย์ในส่วนโลกีย์ ทรัพย์อันใดของมนุษย์ เทพยดา สร้างขึ้น เป็นเงินทองกองแก้วแหวนแสนสิ่ง รัตนมณีจินดา อันอยู่ในเมืองฟ้าบนสวรรค์ก็ตาม อยู่ในมนุษยโลก เทวโลก ก็ตาม อยู่ในกับบุคคลนั้นๆ ผู้มีเกียรติหรือไม่มีเกียรติก็ตาม ทรัพย์นั้นๆ อาจจะหาคุณค่าราคาไม่เท่าถึงว่า พระพุทธ ไม่เท่าถึงพระธรรม ไม่เท่าถึงพระอรหันต์คือพระอริยสงฆ์ เพราะฉะนั้น จึงเรียกว่าเป็นรัตนะ รัตนะแปลว่าทรัพย์อันที่ประเสริฐ ล้ำเลิศกว่าทรัพย์ทั้งปวง เพราะฉะนั้น เราจึงยึดมั่นถือมั่นเอาที่กายหรืออัตภาพสังขารของเขา ที่เขาให้เรามาก่อเกิดในสงสาร ขนขวย(ขวนขวาย)ก็ทำงาน หรือกระทำคุณงามความดีลอยอยู่ในโลกีย์วิสัยโลกนี้ เป็นวิสัยโลกที่จะสว่างหรือมีหนทางดี ไม่ประมาทในสังขารของเขานั้นๆ ที่จะเอาเขานั้นๆ ทั้งที่เป็นเครือญาติปัจจุบัน มีบิดามารดรของเราที่ให้อัตภาพมา หรือบุคคลเพื่อนสัตว์นั้นๆ อันที่ตลอดทั้งปัจจุบันหรืออดีตที่ผ่านพ้นมา ที่เป็นเชื้อญาติบิดามารดาคนไหน หรือญาติกาพงศ์วงศา เพื่อนสัตว์นั้นๆ อันที่ผู้ที่มีอุปการะบุญคุณก็ตาม หรือไม่มีอุปการะก็ตาม ที่เป็นหนี้เป็นสินกันประการใด หนี้สินอันที่เรียกว่าบิดามารดร หรือครูบาอาจารย์อุปัชฌายะนั้น ก็นับว่าเป็นหนี้สินอันส่วนใหญ่ หรือพระพุทธเจ้า พระธรรม อรหันต์ เราเป็นหนี้สินก็เป็นส่วนใหญ่ ส่วนโลกยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้น จะสละหนี้ หนี้นั้นหมายถึงว่าคุณงามความดีกับบุคคลผู้ที่กระทำมาก่อน หรือให้สิ่งที่คุณงามความดี ทรัพย์ในโลกีย์ หรือโลกอุดรของเรา มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือผู้ที่ให้อัตภาพ เป็นบุพพาจารย์บุคคล คือบิดามารดร หรืออุปัชฌายะ หรืออาจารย์และผู้ให้โอวาทหรือคำสอน เป็นแนวทางที่เราจะประพฤติปฏิบัติ เป็นบรรทัดที่จะมนุษย์หรือสัตว์ทั้งหลายจะเดินตามรอยครูบาอาจารย์ผู้ที่ให้โอวาทหรือคำสั่งสอน ฉันใดก็ตาม ที่นั้นเรียกว่าบุพการีบุคคล เพราะฉะนั้นเราเป็นหนี้บุพการีบุคคล กตัญญูกตเวที ผู้รู้คุณกุลบุตรหรือสานุศิษย์หรือทั้งหลายนั้น เรียกว่าจะเป็นผู้ประพฤติและปฏิบัติตาม ทั้งที่เป็นบุพการี หรือใช้หนี้เอา ที่จะให้เอาคุณงามความดีกับบุพการีนั้นๆ ก็เป็นยอดว่าปราชญ์หรือบัณฑิตผู้ฉลาดของบุคคลผู้ที่เกิดมาขนขวยอยู่ในวัฏสงสาร อันจะหาหนทางดี เดินในโลกีย์นี้ไม่มีสะดุด หรือมีขวากหนาม หรือไม่มีช้างเสือ หรือมิคราช แต่ฉันใดก็ตาม โลกีย์นี้ก็มีขวากหนาม มีบ่อ หรือมีเหว หรือมีแม่น้ำ หรือที่ลำธาร ทะเลหลวงอันกว้างใหญ่ มีจระเข้หรือปลาอันที่ซุกซ่อนอยู่ สัตว์ตัวร้ายกาจฉันใด เราจะทำเพียรบูชา หรือต่อสู้สิ่งนั้นๆ จนอุปสรรคสิ่งนั้นจะลดไปด้วยสติเอาเป็นหางเสือ เอาพายเรือให้ดี ไม่ประมาท ที่เราจะพยายามจะทำให้เอาความศักดิ์สิทธิ์ของพระธรรม คือเอาพระธรรม พระธรรมนั้นๆ ที่อันอยู่ในจักรวาลโลกนี้ที่สานุทิศทั้งปวงอันมีอยู่ในสัพพัญญูพุทธเจ้าทั้งหลาย อริยเจ้าทั้งหลาย อรหันตเจ้าทั้งหลาย โพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย อันพระธรรมนั้นๆ ที่พระอริยะนั้นๆ เป็นผู้ประพฤติหรือปฏิบัติ หรือทรงเกียรติไว้ แม้ตลอดถึงที่มุนีดาบส ฤๅษีโยคีก็ตาม ผู้ที่มีคุณงามความดี ฌานสมาบัติหรือแก่กล้า ตบะเดชฤทธิ์ของพระองค์นั้น ผู้ดำเนินตามที่พ่อฤๅษีหรือพรหมโลกฉันใด ที่อยู่ในชั้นอริยะเช่นกัน หนทางพระนิพพาน เพราะฉะนั้นที่เราปรารถนาดี เอาคุณงามความดีที่ประพฤติและปฏิบัติธรรมด้วยสัจธรรมของเราที่ผ่านพ้นมา เป็นที่ญาณหรือยอดหรือปรมัตถ์ หรือเป็นทรัพย์อันที่ประเสริฐที่เราเสียสละได้ ด้วยกายและสังขารหรือประพฤติและปฏิบัติผลงานที่อยู่ในลักษณะศีล ๕ ศีล ๘ อันศีล ๑๐ ก็ตาม ศีลใดๆ ก็ตาม ถึงจะมหาศีล แม้จะเป็นศีลนั้นๆ ก็อาศัยว่าสัจธรรม สมาธิหรือปัญญาศีล รักษากาย วาจา จิตใจ หรือ ๓ ประการนี้ให้สภาพเรียบร้อยดี ได้ชื่อว่าศีล เพราะฉะนั้นอาจจะเป็นศีลปรมัตถ์ จัดอยู่ในการที่ฐานะว่า รักษาไว้ซึ่งอุโบสถศีลนั้นๆ ที่จะให้เป็นทรัพย์อันประเสริฐหรือเกิดในปัจจุบันอนาคตก็ตาม เพราะเราหวังปัจจุบันอนาคต รูปธรรมสังขารของเราที่อยู่ในปัจจุบันนี้ หมายถึงว่าปรารถนาทรัพย์อยู่ในปัจจุบัน หรือส่วนหนึ่งอยู่ในอนาคตที่เป็นโลกีย์ก็ตามนั้น เป็นโลกอุดรธรรมก็ตาม นั้นเรียกว่าทรัพย์ส่วนที่บุคคลผู้ปรารถนาดี เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่เราจะเอาคุณงามความดีอยู่ในทรัพย์ ดำเนินการแนวทางตามที่เราได้ศึกษามา หรือรู้สึกว่าเราเป็นมนุษย์ที่ดีหรือยอด ปรารถนาที่จะให้มนุษย์ดียิ่งๆ ขึ้นไป ตลอดถึงอะไรก็ตาม ที่หน้าที่การงานหรือผลงานของเราที่จะให้สงบไปแห่งบาปหรือกรรมและเวรนั้นๆ ที่ข้องอยู่ในวัฏสงสารที่เราหลงทำไป ที่เราหลงประพฤติไป เพราะกรรมนั้นๆ หรือ อธรรมนั้นๆ เราจะไม่เอา เราจะไม่เสพหรือเราจะไม่ประพฤติ เสพแปลว่าประพฤติหรือได้ล่วงเกินไป เราจะเอาแต่ธรรมที่ส่วนดี เป็นมนุษย์ในอยู่ในทางโลกีย์หรือโลกอุดร อันที่จะไม่ให้ไร้ผล หรือประโยชน์ปัจจุบันอนาคต เป็นเช่นนี้ ดังชื่อว่า ในการบุคคลถืออัตภาพหรือสังขารของเขามาไว้เพื่อให้เป็นประโยชน์ ดังนี้เพื่อขนขวยหาสิ่งที่อันที่เราปรารถนานั้นก็คือ ส่วนหนึ่งของพระธรรม พระธรรมนั้นจะทำให้รู้ ให้รู้ซึ่งในการรู้ดีรู้ชั่ว รู้ประโยชน์ ทั้งที่เป็นฝ่ายที่วิชชาสาม ที่เรียกว่า จะระณะสัมปันโน โลกะวิทู หมายถึงว่าให้รู้แจ้งโลกรู้แจ้งธรรมดังนี้ โลกนั้นเป็นไง ธรรมนั้นเป็นยังไง เพราะฉะนั้น จริยะ ๓ ประการนี้ วิชชา ๓ ประการนี้นั้นก็คือ บุพเพนิวาสานุสติญาณ ที่เราการระลึกชาติได้ ในศึกษาวิชาการแห่งญาณนี้หรือวิชชานี้ อาจรู้สึกได้ ดังนั้นก็อาศัยว่า ซึ่งพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เราประพฤติหรือปฏิบัติเอาได้ ซึ่งเทวดาหรืออินทร์พรหมสิ่งนั้นๆ อันจะมอบหมายให้เรา หรือผู้มีเกียรติศักดิ์ศรี มีพระพุทธเจ้า หรืออริยเจ้า โพธิสัตว์เจ้ามอบให้เรา ได้โดยดังที่ใจหวังดังนั้นจึงชื่อว่า วิชชาหนึ่งที่เรียกว่าบุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ รู้จักจุติหรือกำเนิดของหมู่สัตว์ทั้งหลายหรือตัวของตัวเองดังนี้ ก็ถือว่าการเที่ยวสงสาร เว้นยกไว้แต่ว่าอาสวักขยญาณ ญาณที่วิชชาสาม เป็นญาณที่เฉียบขาด หรือญาณที่มีอำนาจสูงสุด ญาณวิชชาที่บดในการกิเลสทั้งปวง กิเลสนั้นๆ อันจะไม่ล่อเหลืออยู่ด้วยมรรคผล มรรค ๔ ผล ๔ หรือผลของพระอรหันต์ ดังนั้นที่ขาดสิ้นไปแห่งภพทั้ง ๓ จะไม่ติดอยู่ในภพใดๆ ทั้งสิ้น คือมนุษย์ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ไม่ติดหรืออยู่ในที่อบายภูมิก็ไม่ติด ดังนั้นจะเป็นสัตว์ตัวไหนหรือใครตัวหนึ่ง ที่อยู่ในภูมิหรือสถานนั้นๆ ไม่มีแล้ว เป็นดังนี้ถือว่าเป็นที่เรียกว่าวิชชาสาม อันที่เป็นวิชชาชั้นยอด วิชชาที่เด็ดขาดเด็ดเดี่ยว คืออาสวักขยญาณ ทั้งนี้ เพราะฉะนั้นเราจะยกเว้น และจะทำเพียรไปตามจุดหมายหรือปลายทางหรือตามภพ แม้หมดภพนี้หมดภพหน้าเกิดมาเราจะทำต่อเป็นเสบียงเลี้ยงตนหรือเป็นทุนที่เที่ยวเกิดในวัฏสงสาร เพื่อให้ผลงานละกิเลสตรงส่วนอื่นนั้นเราให้มันหมดไป เพราะฉะนั้นดังนี้เราชื่อว่าในการประพฤติและปฏิบัติ อยากได้ถึงพระธรรมคำสั่งสอนเป็นผู้รู้แจ้ง เป็นปราชญ์คนหนึ่ง หรือเป็นบัณฑิตคนหนึ่ง พิจารณาที่ให้รูปอานิสงส์ได้เกิดขึ้นปัจจุบันหรืออนาคตดังนี้ ทั้งนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีเกียรติ หรือเป็นผู้ที่มีความประพฤติดี อาศัยว่า ในฐานะว่าการศึกษาพระธรรม เราจะเป็นผู้ที่แสวงหา ณ ทรัพย์ที่ดังที่กล่าวมาแล้วทั้งที่เราได้ประพฤติและปฏิบัติธรรมไปในตั้งสัจจาธิษฐานในการทรมานตน แลกเอาดวงญาณวิเศษ หรือเป็นค่าเป็นมูลนิธิของบิดามารดร เป็นทุนเขาที่ให้มาเกิด ณ สงสารดังนี้ เพื่อให้เราได้สำเร็จและลุล่วงไป แห่งกายกายกรรม วจี มโน อันที่ปลดเปลื้องด้วยบาปธรรม กรรมกุศลมาแต่อดีตหรือปัจจุบันก็ตาม ที่ไปข้องอยู่ ณ กรรมนั้นๆ ด้วยโมหะ หรือความหลง ด้วยโทสะคือความโกรธ ด้วยโลภะเพราะความโลภ โลภในสิ่งนั้นๆ โลภที่ยังที่ไม่มีประโยชน์ ณ นั้นๆ ก็ตาม เป็นนิสัยสันดานของปุถุชนและคนหลง เพราะฉะนั้นเราหลงไปแล้วได้ชั่วคราว ทีนี้เราได้เจอะอริยะหรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระโพธิสัตว์เจ้าแล้วก็ดี ที่จะเอาคุณงามความดีตลอดชีวิตหรือชาติไหนๆ ที่จะให้เป็นพื้นฐานของตัวนี้ เป็นผลงานเป็นทุนอันอยู่ ณ สงสารให้เป็นการละเอียดหรือเป็นการที่จะไม่ได้ศึกษากับใครทั้งสิ้น แม้เราที่เกิดมา ณ ภพนั้นๆ จะมีความสุขหรือความสบาย หรือมีวิชาที่ติดตัวไป ด้วยการที่จดจำนำเอาพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นให้รู้ละเอียดหรือให้รู้ดี เป็นผู้ประพฤติหรือปฏิบัติดีให้รอบคอบดีดังนี้ อันจะเกิดอยู่ในมารดากับคนไหน หรือบิดาคนไหนแล้วก็ตาม อาจจะได้เป็นผู้ฝากคุณงามความดีหรือโลกีย์ก็เกิดมาด้วย ทรัพย์เกิดมาด้วย ด้วยความดีนั้นๆ อันเกิดมาแล้วย่อมเป็นที่บูชาของมนุษย์หรือเทพยดา ให้เกียรติให้ศักดิ์ศรีดังนี้ เพราะฉะนั้นเราปรารถนา คนทุกคนปรารถนา แต่ว่าถึงปรารถนาแล้วไม่ทำ ยอมทำความดีประพฤติและปฏิบัติตามคำสั่งสอนหรือโอวาทของพระพุทธเจ้า พระธรรมคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เอาเข้ามาในอุระหรือจิตใจ ณ สันดานสังขารของเราแล้ว ไม่แลกเอาเปลี่ยนเอากายสังขารของเขา ณ ภพนั้นชาตินั้น แลกเอาบูชาพระรัตนตรัยคือยึดเอาทรัพย์ดวงประเสริฐนี้ให้เกิดขึ้นในสันดานให้ผ่องใสฉันใดก็ดี มนุษย์หรือคนนั้นก็อาจจะตกอยู่ในกองทุกข์ยากลำบาก อาจจะคิดไปด้วยความกระวนกระวายหรือสันดานรกหรือมืดมนอนธกาลทั้งนี้ เฉพาะคนที่ไม่รู้ดี อาจจะเป็นคนเขลาเบาปัญญาไม่รู้ที่จะศึกษาด้วยตนเองให้เกิดคุณงามความดี แต่ที่ประสูติหรือที่เกิดมาหรือคลอดมาก็ตาม ณ ภพนั้น อันที่เป็นสังขารเขาทำ ณ ชาตินั้นๆ ถ้าหากว่าเราทำดี เราก็จะสู่ ไปสู่บิดามารดาที่ดีๆ เลอเลิศขึ้นไป มีพระโพธิสัตว์ หรือพุทธองค์นั้น เป็นผู้ที่เที่ยวสงสารหรือในการที่รักษามรดกของพระอริยเจ้า มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน หรืออรหันตเจ้า สาวกนั้นๆ ก็จะอยู่ในพระโพธิสัตว์เจ้านั้นๆ อันเพราะฉะนั้นคนเราก็นับว่าปรารถนาที่จะไปเป็นพื้นฐานอยู่ในกับ ติดกับขั้นอริยะนั้นๆ เพื่อให้แนวทางหรือเพื่อให้เกิดคุณงามความดีทั้งนี้ เพราะฉะนั้น ณ วันนี้จุดหมายที่เราอธิษฐานได้ ๓ สัปดาห์ ที่สัปดาห์หนึ่งบูชาพระพุทธ สัปดาห์หนึ่งบูชาพระธรรม สัปดาห์สุดท้ายก็บูชาพระอริยสงฆ์ หรือพระอรหันต์สาวกดังนี้ ในการที่ทำความเพียรคุณงามความดี ณ จบคำรบไปด้วยสัจธรรม เพราะฉะนั้น อะไรเป็นสิ่งว่าสัจธรรมหรือการประพฤติปฏิบัติธรรมตามศรัทธาหรือความเชื่อมั่นอดวันอดคืน อดร้อนหนาวหิวกระหาย อดลำบากกรากรำ อดระดมทมทุกข์นั้นๆ ความเจ็บหรืออดความแก่ ความตายฉันใด ขอให้เป็นอานิสัง สัญญัง พลังอานิสงส์ที่จะบังเกิดขึ้นที่ลูกนี้ต่อไป ก็ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวง อันมีอยู่ในท้องฟ้าโลกจักรวาล มีพระพุทธเจ้า อริยเจ้าทั้งหลายที่ตรัสข้ามพ้นสงสารวัฏไปแล้วนับไม่ถ้วน ที่ประมาณเม็ดหินเม็ดทราย พระพุทธเจ้านั้นๆ ตรัสไปหลายนับแต่ปฐมบรมครู มาสุดท้ายพระศรีศากยมุนีพระโคดม ตลอดถึงพระอริยะโพธิสัตว์นั้นๆ ที่เป็นเชื้อหน่อพุทธางค์กูร หรือพุทธภูมิผู้ที่จะมาเลี่ยงลัดตรัสเป็นพระพุทธเจ้าต่อท้ายศาสนา คือพระศรีอาริยเมตไตรย์หน่อบรมครูมีศาสนาอันเรียงงาม เพรียงงามทุกชาติหรือภาษา ใบหน้าใบตาเสมอกัน อันอยู่คนยุคนั้นอยู่ในเครื่องทิพย์ ไม่มีใช้รถแลน(แล่น) เบียดเบียนแรงกายต่อแรงงาน ไม่มีงานเพราะอาจจะบันดาลด้วยเครื่องทิพย์อันนั้น อยู่ ณ วิมานตามลำดับคนโลกหรือชนโลกทั้งหลายทั้งปวง เพราะชนโลกทั้งหลายทั้งปวงอยู่ในวัย ๘ หมื่นปี หรือคุณงามความดีบารมีของชนโลกนั้นสร้างบารมีมา เพื่อพบพระศาสนา ณ ยุคนั้น ชีวิตสังขารจะเจริญไปเป็นแสนๆ ปี หรือล้านๆ ปี ตลอดถึงอสงไขยตายไม่เป็น หรือต่อจนกว่ามนุษย์อยากตาย เทวดาผู้วิเศษหรือจะมาย่นย่ออายุของหมู่สัตว์นั้นให้ตกอยู่ให้เขาได้อยู่ ๘ หมื่นปี เขาเลือกเอาตามใจชอบดังนั้น ณ ยุคนั้นชื่อว่าเป็นยุคที่ ที่มีเมตตาธรรมต่อกันและกัน ซึ่งสัตว์ทั้งหลายไม่เบียดเบียนกัน ไม่เข่นฆ่ากัน เช่นงูกับพังพอน หรือสุนัขกับเสือดังนี้ กับมิคราชก็ไม่ศัตรูกัน คนทั้งหลายก็ไม่ศัตรูกัน สามีก็รักภรรยา ไม่นอกใจ ภรรยาก็รักสามีดังนี้ เป็นยุคของพระศรี ฯ หรืออาริยเมตไตรย์ลงมาเลี่ยงลัดตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ในเมืองเกตุมดีมหานคร เมื่อพาราณสีเปลี่ยนมาเป็นเมืองเกตุม เกตุมดีมหานคร มีพระเจ้าสังขรจักร ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ในราชสมบัติแก้ว ๗ ประการ อยู่วิมานทองคำอันสูงขึ้นได้โยชน์หนึ่ง ที่รองรับสังขรจักร ซึ่งเวลานั้น นรการเทวบุตรผู้จุติลงมาเกิด หรือปราสาททองคำจมอยู่ทะเลสาบทุกวันนี้ จะผุดรองรับนรการเทวบุตรมาเป็นพระเจ้าสังขรจักร แต่พระเจ้าสังขรจักรอยู่ในอำนาจของสุพรหมพราหมณ์ เพราะยุคนั้นสมัยนั้นเขาจะยกพราหมณ์เป็นใหญ่ คือสุพรหมพราหมณ์เป็นพุทธบิดา สุพรหมพราหมณี พราหมณีอันเป็นเป็นพุทธมารดา อันเป็นแม่ของพระศรีอาริยเมตไตรย์โพธิสัตว์จุติ เทวดาอินทร์พรหมหมื่นโลกธาตุไปอาราธนาโพธิสัตว์มาตรัสเลี่ยงลัดเป็นคำรบจบบริบวรถ้วนบารมี ณ ยุคนั้น สมัยนั้นที่มาเกิดอยู่กับนางพราหมณี หรือสุพรหมพราหมณ์เป็นพ่อดังนี้ พระองค์ที่เกิดมาอยู่ในวัย ๒ หมื่นปี ๒ หมื่น ๒๕ ปี ครองราชสมบัติ แต่งอายุ ๑๖ ปี กับนางจันทมุกขี ได้ลูกชายชื่อว่าท้าวสาลีราช ดังนั้นออกมา ณ วันนั้นก็เสด็จหนีไปสู่อภิเนษกรมณ์บรรพชาเหมือนกับพระพุทธเจ้าของเรา พระองค์ไปทำความเพียรอยู่ ๗ วัน แม้สรรพสัตว์ทั้งหลาย มีพระเจ้าสังขรจักรหรือประชาชน พระวงศานุวงศ์ ญาติๆ ทั้งหลาย ทั้งภรรยา ทั้งบุตรที่คลอดวันนั้น สาลีราชก็เสด็จตาม ไปบรรพชาหรือประพฤติปฏิบัติกับศรีอาริยเมตไตรย์โพธิสัตว์ อธิษฐานเป็นสมณเพศ ขอดกราวเป็นชฎา หรือตัดเมาลีอธิษฐานขึ้น ดังที่พุทธเจ้าของเราที่พระเกศเกล้าเมาลี พระอินทราเทวราชเอาไปบรรจุเป็นธาตุจุฬามณีเช่นกัน แล้วก็พระองค์ทำความเพียรอยู่ ๗ วันเท่านั้น นับว่าพระยามารยกทัพมาเพื่อจะชิงชัย แม้ยังเตรียมพลโยธาแล้วนี้ก็นับว่า มีการพ่ายแพ้อัปราชัยไป เพราะพระยามารไม่มาใกล้ได้ ก็อำนาจพระศรีอาริยเมตไตรย์โพธิสัตว์ทำความเพียรอยู่ภายใน ๗ วัน เป็นอันเฉียบขาด ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ประกาศเป็นพระพุทธเจ้าภายใน ๗ วัน พระองค์ก็ประกาศ เทวดาอินทร์พรหมก็มาอาราธนาให้พระสัทธรรมเทศนา คือพระธัมจักกัปวัตนสูตรแก่พระวงศานุวงศ์ พร้อมทั้งอินทร์ทั้งพรหมได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ขีณาสาวก มีฤทธาจักสันดาน ณ การวันนั้นฉันใด เป็นเช่นนี้ เพราะฉะนั้นคุณงามความดี ศรีอาริยเมตไตรย์แม้อยู่ขอบฟ้าจักรวาลพระองค์ใดก็ตาม ที่เป็นโพธิสัตว์ เพื่อนพี่น้องครองไปกันซึ่งกัน พระราโมพุทโธ ธรรมราช ธรรมสามี นารทะพุทธรังสีมุนี พระเทวะเทโว พระนรสีห์ พระติสสะ พระสุมังคละ ๑๐ พระองค์ แม้บารมีพระองค์นั้นๆ ที่เป็นสังขารหรือไม่เป็นสังขารอยู่ที่ไหน อยู่ภูมิที่รักษาเกียรติหรือในการบารมีของพระองค์นั้นๆ ส่งมาถึงท่าน ณ ที่นี้ เพื่อให้คุณงามความดี เพื่อกุลบุตรหรือสานุศิษย์ ลูกหลานทั้งหลายผู้ที่มีผลงานประพฤติปฏิบัติหรือติดตามมาในชาติอดีตปัจจุบันนี้ก็ตาม ขอให้ได้รับผลประโยชน์ คือจตุพร ๔ ประการ ๑ อายุ ๒ วรรณะ ๓ สุขะ ๔ พละ จงเกิดมีทุกทิพาราตรี ณ สาธุ สาธุ
(หลวงปู่ให้พร) : อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง ...
สัพพีติโย... อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง”
- ผู้แกะเป็นอักษร : พระชินเวทย์ ชินวโร, พิสิฐ เทพสุวรรณ (แกะเมื่อ ต.ค.2553)

วันพุธที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2560


๑. พระเตมีย์ ทรงบำเพ็ญเนกขัมมบารมี คือ การถือบวชสูงสุด
๒. พระมหาชนก ทรงบำเพ็ญวิริยะบารมี คือ ความพากเพียรสูงสุด
๓. พระสุวรรณสาม ทรงบำเพ็ญเมตตาบารมี คือ ความเมตตาสูงสุด
๔. พระเนมิราช ทรงบำเพ็ญอธิษฐานบารมี คือ ความมีจิตที่แน่วแน่สมบูรณ์
๕. พระมโหสถ ทรงบำเพ็ญปัญญาบารมี คือ ความมีปัญญาสูงสุด
๖. พระภูริทัต ทรงบำเพ็ญศีลบารมี คือ ความมีศีลที่สมบูรณ์สูงสุด
๗. พระจันทกุมาร ทรงบำเพ็ญขันติบารมี คือ ความอดกลั้นสูงสุด
๘. พระนารทพรหม ทรงบำเพ็ญอุเบกขาบารมี คือ การมีอุเบกขาสูงสุด
๙. พระวิธูรบัณฑิต ทรงบำเพ็ญสัจจะบารมี คือ ความมีสัจจะสูงสุด
๑๐. พระเวสสันดร ทรงบำเพ็ญทานบารมี คือ การรู้จักการให้ทานสูงสุด

วันอังคารที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เหรียญของขวัญ รุ่น “สมบัติจักรพรรดิ” จัดสร้างโดยวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม พ.ศ. 2560





ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งของดีไว้บูชาติดตัว
เหรียญของขวัญ รุ่น “สมบัติจักรพรรดิ” จัดสร้างโดยวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม พ.ศ. 2560 เพื่อแจกแก่ผู้ที่มาร่วมบุญที่วัด เพื่อให้ท่านที่เคารพนับถือศรัทรานำไปบูชาติดตัว เพื่อเป็นสิริมงคลและคุ้มครองป้องกันภยันตราย แต่ผู้มีไว้บูชาและระลึกถึงบุญ การจัดสร้างเป็นชนิดเหรียญปั้ม รูปแบบทรงกลม ห่วงหูตัน ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปพระมงคลเทพมุนี (สด) ครึ่งองค์ หน้าตรง มีจุดไข่ปลาหรือดวงแก้วเม็ดเล็กๆล้อมรอบ 88 เม็ด มีอักษรระบุนาม พระมงคลเทพมุนีอยู่บนโบว์ ส่วนด้านหลังของเหรียญเป็นรูปพระจักรพรรดิทรงเครื่องเต็มองค์อยู่ตรงกลางของจักรแก้ว มีอักษรขอม “สัมมาอะระหัง” และอักษรขอม “นะชาลีติ” อันเป็นคาถาหัวใจพระสิวลีผู้เป็นเลิศด้านโชคลาภ มีอักษร วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม พ.ศ.๒๔๖๐ ในการนี้พระเดชพระคุณพระเทพญาณมงคลได้ทำการอธิษฐานจิตจะเริ่มแจกให้แก่ผู่ทำบุญในงานทอดกฐินปี 2560
เนื้อชนวนโลหะที่จัดสร้างเหรียญมี 7 เนื้อ คือ
1.เนื้อทองคำ
2.เนื้อเบญจสิทธิ (เหล็กไหลกายสิทธิ 5 ชนิด)
3.เนื้อเหล็กไหลทองนพคุณ
4.เนื้อชนวนพระกริ่งสัมมาอะระหังรุ่น 1
5.เนื้อเงิน
6.เนื้อทองฝาบาตรผสมเหล็กไหลทองปลาไหล
7.เนื้อทองแดงผสมเหล็กไหลสุริยันราชา

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อประชาสัมพันธ์วัดหลวงพ่อสดฯ
090-595-5162
090-595-5164