วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2559

การบุญการกุศล ใช่ว่าสักแต่ทำ


อมตวัชรวจีหลวงป๋า
 ·
#การบุญการกุศลใช่ว่าสักแต่ทำ
#ควรอธิษฐานให้มุ่งตรงต่อมรรคผลนิพพาน
#เพราะสวรรค์ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิก็มี
#และเทวดาที่เป็นมิจฉาทิฏฐิก็มี
การบุญการกุศล ใช่ว่าสักแต่ทำ มันเป็นบุญ แต่เป็นบุญผสมบาป และจะนำไปสู่แนวทางนั้นนี่แหละ เพราะฉะนั้น อาตมาจึงพาอธิษฐาน ขอให้บริสุทธิ์ สมบูรณ์ บริบูรณ์ ด้วยทานกุศล ศีลกุศล ภาวนากุศล มีความหมายอย่างนี้นะ ไม่ใช่สักแต่พูดๆ มีเหตุที่มา อาตมาเข้าใจเรื่องนี้มานาน เห็นเหตุด้วย จึงได้มีคำอธิษฐานเอาไว้ ด้วยความสุขุมรอบคอบพอสมควร แต่ถ้าใครเห็นว่าอะไรไม่ถูกต้อง ก็แนะนำอาตมาบ้าง
แต่ที่อาตมาพิจารณาแล้วดีที่สุด เป็นไปในแนวทางที่หลวงพ่อได้แนะนำไว้ คำพูดอาจจะไม่รวมกันเป็นอันเดียวกันทุกคำ แต่ว่าในเนื้อหาอันนี้นี่แหละก็เป็นอย่างนี้ เมื่อปฏิบัติไปแล้วมันเข้าอย่างนี้ ทีนี้จุดหนึ่งที่สำคัญที่สุด อาตมาจะยกให้ฟัง ๒ จุด
จุดหนึ่งที่อาตมามาพูด เดี๋ยวโยมจะนึกว่าสวรรค์สมบัติ จะเป็นมิจฉาทิฏฐิได้อย่างไร เทวดาที่เป็นมิจฉาทิฏฐิก็มีนะ ไม่ใช่ไม่มี เป็นยักษ์เป็นมารก็มี ยักษ์มีกุมภัณฑ์เป็นต้น บรรดาระดับชั้นจาตุมหาราชิกา ก็ใกล้ๆมนุษย์เรา เพียงแต่ว่ากายเขาใสกว่าเท่านั้น แม้กระทั่งที่สุดถึงชั้นที่ ๖ ปรนิมมิตวสวัตดี ชั้นนี้เป็นที่สูงสุดของเทวโลก เทพยดาชั้นนี้ต้องการอะไร ปรารถนาอะไร มีบริวารเนรมิตให้เสร็จ สบายถึงเพียงนั้น แต่ก็ยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ
ท่านอ่านพุทธประวัติคงจำได้ ท้าววสวัตดีมารในสมัยพุทธกาล จอมเทพชั้นนี้ละนะ ท่านลองนึกดูว่า ท่านจะแค่ไหน แต่ว่าหลังจากพุทธกาลมาประมาณร้อยปี พระเจ้าอโศกธรรมาโศกราช หรือพระเจ้าธรรมาอโศกราชนี่แหละ ศรัทธาในพระพุทธศาสนา สร้างสถูปเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่น สิ้นทรัพย์มากมาย แต่ว่าไม่สำเร็จ สถูปใหญ่ก็ไม่เสร็จ เพราะท้าววสวัตดีมารตามผจญอยู่พร้อมทั้งบริวาร
ที่นี้ พระอุปคุต ซึ่งมีจริงนะ จำพรรษาอยู่ใต้สะดือทะเล สะดือทะเลอย่าไปควานหา ในทะเลนี้นะหาไม่เจอหรอก อันนั้นเป็นมหาสมุทรซึ่งเป็นอายตนะละเอียดนั่นแหละ ได้มาทรมานท้าววสวัตดีมาร ทรมานกันจนแพ้ ว่าอย่างนั้นเถอะ เมื่อยอมแล้วจึงกลับเป็นสัมมาทิฏฐิ ปรารถนาพุทธภูมิ อธิษฐานบำเพ็ญบารมีเป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้า นี่แหละ ท้าววสวัตดีองค์ปัจจุบันแหละ
เพราะฉะนั้น สวรรค์สมบัติที่เป็นมิจฉาทิฏฐิก็มี ให้เข้าใจไว้ จากสูงสุด จนต่ำสุด มีทุกชั้น แต่ชั้นที่เป็นมิจฉาทิฏฐิน้อย มีสัมมาทิฏฐิมาก หรือจะว่าที่สุดก็คือ ชั้นดุสิตเทวโลก ซึ่งเป็นชั้นของผู้บำเพ็ญบารมี.
.........................
.........................
เทศนาธรรมจาก
พระเทพญาณมงคล
หลวงตาเสริมชัย ชยมงฺคโล
วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
อ.ดำเนินสะดวก
จ.ราชบุรี
..........................
ที่มา
ตอบปัญหาธรรมปฏิบัติ
..........................
เพจ อมตวัชรวจีหลวงป๋า

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2559

หลวงป๋าท่านเคยบอกไว้ว่าการอธิษฐานจิตเสกพระเครื่องต่างๆ ท่านอธิษฐานไว้รวม 10 ประการ คือ


เมื่อคืน (14 ต.ค.59) หลวงป๋าท่านได้พาพระที่ได้ธรรมกายมาร่วมกันเสกเหรียญพระปฐมบรมศาสดาอีกครั้ง
หลวงป๋าท่านเคยบอกไว้ว่าการอธิษฐานจิตเสกพระเครื่องต่างๆ

ท่านอธิษฐานไว้รวม 10 ประการ คือ

1. พลิกธาตุพลิกธรรม-กลับร้ายกลายเป็นดี ให้ผู้เป็นเจ้าของมีจิตน้อมเข้ากระแสธรรม
2. มหาอุด กันปืน
3. มหาคงกระพัน หนังเหนียวทนต่อคมมีดของมีคม
4. มหาแคล้วคลาด
5. รอดพ้นจากภัยทั้งหมด ภัยธรรมชาติ อุบัติภัย อุทกภัย อัคคีภัย ภัยสงคราม ภัยจากนิวเคลียร์
6. ป้องกันโรคภัย ภูติผีปีศาจ คุณไสย์ ยาสั่ง
7. มหาอำนาจ สิทธิ สิทธิเฉียบขาด
8. มหาเมตตา มหานิยม
9. มหาโชคลาภ โภคทรัพย์
10. สมใจปรารถนา อธิษฐานได้ตามที่ขอ

วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559

แหวนที่หายได้คืนด้วยพระธรรมกาย


แหวนที่หายได้คืนด้วยพระธรรมกาย โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋) 7 ต.ค. 2559
ขอเล่าเรื่องอานุภาพของวิชชาธรรมกายหน่อยครับ เรื่องนี้เกิดในวันที่ 4 ต.ค. 56 เหตุการณ์นี้เพิ่งผ่านมาได้ 3 ปีพอดี
เมื่อประมาณ 5-6 วันที่ผ่านมาผมได้ทำแหวนหลวงปู่ดู่เนื้อเงิน ที่ใส่ประจำหายไป ผมได้พยายามหาว่าลืมไว้ตรงไหนหรือไม่ ทั้งห้องน้ำ ห้องพระ ในรถ บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ ห้องรับแขก ฯลฯ โดยเฉพาะที่ห้องน้ำเข้าไปหา 4-5 รอบแล้วเพราะเป็นที่ต้องถอดประจำเวลาเข้าห้องน้ำ ส่วนในรถก็ถึงขนาดรื้อพรมขึ้นเอาไฟฉายส่องใต้เบาะและเก้าอี้ โดยหวังว่าแหวนอาจจะหล่นลงไป ทำให้ 5-6 วันมานี้ผมไม่มีความสุขเอาเสียเลย
เมื่อหมดหนทางก็ต้องคิดว่าถ้าแหวนนี้เป็นของเรา เราก็จะต้องได้คืนมา แต่ถ้าไม่ใช่ของเราก็แสดงว่าต้องปล่อยไปคืนสู่เจ้าของที่แท้จริง ขณะกำลังนั่งสมาธิอยู่ก็เกิดคิดถึงรุ่นน้องที่ได้ธรรมกายคนหนึ่งขึ้นมา (ขอเรียกว่าน้องไก่) ได้ความคิดว่าให้น้องไก่ถอดจิตมาถามเทวดาที่บ้านดีกว่า เพราะน้องไก่คนนี้แกชอบแอบมาดูที่บ้านผมเป็นประจำ ให้เทวดาที่บ้านช่วยหาแหวนให้น่าจะดี ผมก็เลย Line ไปบอกน้องไก่ว่าให้ช่วยพี่อู๋หน่อย ในใจก็คิดว่าเออถ้าน้องไก่ได้ธรรมกายจริงก็จะได้พิสูจน์กันไปเลยในครั้งนี้
ไม่ถึง 10 นาที น้องไก่โทรกลับมาหาผมแล้วพูดว่า "พี่อู๋...พระธรรมกายท่านแสดงภาพย้อนอดีตให้เห็นพี่อู๋กำลังล้างรถอยู่ แหวนไม่ได้หายไปไหนหรอก แล้วก็ไม่ต้องไปหาที่ห้องน้ำอีกแล้ว เพราะผมเห็นพี่เข้าไปหาในห้องน้ำหลายหน ให้ลองไปหาดูที่บริเวณที่พี่อู๋ล้างรถนั่นแหละ"
ผมรีบวางสายแล้วบอกกับนิด (ภรรยาของผม) ว่าน้องไก่โทรมาบอกว่าให้ลองไปหาแหวนตรงที่ล้างรถ เลยตกลงกันว่าจะออกไปหาแหวนด้วยกันอีกครั้ง ตัวผมก็เข้าไปดูในรถ ส่วนภรรยาก็เดินไปดูที่สายยางล้างรถซึ่งขดไว้ตรงบริเวณก็อกน้ำ ครู่เดียวนิดก็ตะโกนขึ้นมาบอกว่าเจอแหวนแล้ว ปรากฏว่าแหวนตกอยู่ที่พื้นโดยมีสายยางบางเส้นวางทับอยู่ทำให้มองไม่เห็นแหวน ผมดีใจมากที่ได้แหวนคืนแล้วก็นึกขอบคุณน้องไก่ที่ยอมเป็นธุระให้ พร้อมกันนั้นก็ระลึกได้ว่าพระธรรมกายนั้นเป็นของจริงมีอานุภาพมากจริง ใครเข้าถึงพระธรรมกายย่อมเป็นผู้ที่เดินเข้าไปใกล้ธรรมะอันเป็นที่สุดแห่งทุกข์ได้จริง สิ่งที่พระธรรมกายท่านบอกมาตรงเป๊ะทุกอย่างว่าแหวนตกอยู่ตรงที่ล้างรถ ขอบพระคุณครูบาอาจารย์ที่ได้พร่ำสอนและเผยแพร่วิชชาธรรมกายที่มีอานุภาพมากจริง ช่วยเราได้จริงๆ ครับ

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เกิดมาผมก็เจอหลวงพ่อสดเลย


เกิดมาผมก็เจอหลวงพ่อสดเลย โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋)
ผม (อู๋) เกิดเมื่อปี 2498 ตอนเกิดก็ไม่ค่อยจะเหมือนใครเพราะคุณแม่เล่าว่าการคลอดของผมนั้นมันง่ายมาก ท่านบอกว่า "เหมือนไปขี้" คือพอปวดท้องจะคลอดก็เบ่งผมออกมาได้เลย เป็นการคลอดที่สะดวกสบายไม่ทำให้ท่านเจ็บเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ พอผมเกิดมาได้เพียงแค่ 1-2 วัน คุณแม่ผมก็อุ้มผมไปกราบหลวงพ่อสดที่วัดปากน้ำ แม้ว่าในสมัยนั้นการเดินทางไปวัดปากน้ำจะลำบากเพียงใดแต่คุณแม่ของผมท่านก็ไม่สนใจเพราะท่านเคารพหลวงพ่อสดเป็นที่สุด นี่คงเป็นสัญญาณนิมิตหมายให้ผมรู้กระมังว่าต่อไปจะต้องมาทำหน้าที่ช่วยหลวงพ่อสดในอนาคต ปัจจุบันผมทำงานให้หลวงพ่อและหลวงป๋ามากว่า 40 ปีแล้ว
คุณแม่เล่าว่าในสมัยนั้นเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีพระองค์ไหนจะมีชื่อเสียงโด่งดังไปกว่าหลวงพ่อวัดปากน้ำเลย ดังนั้นคุณแม่ท่านจึงได้อุ้มผมไปให้ท่านตั้งชื่อให้ เพื่อที่คุณแม่จะได้นำชื่อนี้ไปแจ้งบันทึกลงในใบเกิด (สูติบัตร) ของผม โดยหลวงพ่อท่านจะถามวัน เดือน ปีเกิด และเวลาตกฟาก จากนั้นท่านก็จะนัดแนะว่าให้กลับมาเอาชื่อที่ท่านตั้งให้วันไหนอีกที ทุกวันนี้ผมจึงอดภูมิใจไม่ได้ว่าผมเกิดมาทันหลวงพ่อ และยังได้ไปกราบท่านตั้งแต่แรกเกิดเลย เมื่อคุณแม่ผมกลับไปเอาชื่อกับหลวงพ่อก็ต้องแปลกใจเพราะไม่เคยคิดว่าหลวงพ่อจะตั้งชื่อให้ผมแบบนี้ โดยหลวงพ่อท่านตั้งชื่อให้ผมว่า “อาดุลยเดช”
คุณแม่ผมก็แย้งท่านไปว่าหลวงพ่อจะให้ใช้ชื่อนี้ได้อย่างไร จะเป็นการสมควรหรือไม่เพราะเป็นชื่อที่ใกล้เคียงกับ....มาก หลวงพ่อท่านก็พูดยืนยันว่า “เด็กคนนี้ต้องใช้ชื่อนี้เท่านั้น” แล้วในชื่อของผมก็มีอักษร “สระอา” ด้วย จึงเป็นชื่อที่ไม่เหมือนใคร จะมีใครมาว่าได้อย่างไร คุณแม่ผมจึงต้องจำยอมตามคำหลวงพ่อ แต่ผ่านไปไม่กี่วัน คุณแม่ผมก็ต้องกลับไปที่วัดปากน้ำอีกครั้ง เพื่อให้หลวงพ่อท่านเปลี่ยนชื่อให้ผมใหม่ โดยบอกหลวงพ่อว่าไม่อยากให้ผมใช้ชื่อนี้ แต่หลวงพ่อสดท่านก็ยังยืนยันคำเดิมของท่านไม่ยอมเปลี่ยนให้ คุณแม่ผมก็จนใจเพราะเคารพและศรัทธาหลวงพ่อสดมาก ดังนั้นในใบเกิดของผมจึงเป็นชื่อ “ด.ช.อาดุลยเดช” เท่ซะไม่มี แต่ปัญหามันเกิดตอนที่ผมต้องไปโรงเรียนนี่ซิครับ ทั้งคุณครู ทั้งเพื่อนๆ ต่างก็มาถามผมว่าทำไมจึงใช้ชื่อนี้ไม่กลัวตำรวจจับหรือ (ตอนเป็นเด็กก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรนัก) ผมเลยใช้ชื่อนี้อยู่จนอายุได้ 9-10 ปีจึงไปเปลี่ยนชื่อซึ่งเวลานั้นหลวงพ่อท่านมรณะภาพไปแล้ว เพราะที่บ้านทนแรงกดดันจากคนอื่นไม่ไหว
มาถึงวันนี้ผมจึงอดภูมิใจไม่ได้ว่าผมได้เป็นเด็กคนหนึ่งที่หลวงพ่อสดท่านตั้งชื่อไว้ให้ คนในยุคนี้จะมีซักกี่คนที่เคยเจอหลวงพ่อสดเหมือนกับผม แล้วเมื่อผมโตขึ้นมาก็ยังได้ทำงานรับใช้หลวงพ่อและวิชชาธรรมกายตั้งแต่ผมยังหนุ่มๆ จนมาทุกวันนี้

เทวดาส่งเงิน 500 บาทมาสร้างพระมหาเจดีย์


เทวดาส่งเงิน 500 บาทมาสร้างพระมหาเจดีย์ โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋) 14 มีนาคม 2559
เมื่อวันที่ 12 มี.ค.59 ได้มีคณะบุคคลกลุ่มหนึ่งมาที่วัดหลวงพ่อสด (คุณหมอ ลูกชาย คุณป้อมและคณะ) ซึ่งคณะบุคคลกลุ่มนี้ก็คือกลุ่มเดียวกับที่เคยมาอัญเชิญพระของหลวงปู่เทพโลกอุดรให้แก่วัดหลวงพ่อสด เพื่อมอบให้แก่ผู้มาทำบุญสร้างพระมหสเจดีย์ของวัดมาแล้วนั่นเอง แต่ครั้งนี้เขามาเพื่อจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุถวายแก่หลวงป๋าเป็นการเฉพาะ ตามคำบัญชาของหลวงปู่เทพโลกอุดร เพื่อเตรียมนำบรรจุไว้ในองค์พระมหาเจดีย์
ในส่วนของพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญได้มานั้นผมจะไม่ขอพูดถึง แต่เรื่องที่แปลกมหัศจรรย์ก็คือ นอกจากพระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จปาฏิหาริย์เข้าไปอยู่ในดอกบัวแล้ว ครั้งนี้กลับมีแบงค์ 500 บาทหล่นลงมาจากอากาศด้วยอีก 1 ใบ ทั้งๆ ที่การทำพิธีนี้เชิญกันในห้องปิดมิดชิดภายในกุฏิของหลวงป๋า เหตุการณ์นี้สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้อัญเชิญเป็นอันมาก เพราะพวกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะเชิญแบงค์ แต่กลับมีแบงค์ 500 หล่นลงมาเอง แบงค์ 500 บาทใบนี้ก็เหมือนกับแบงค์ 500 บาททั่วๆ ไปนั่นแหละ เป็นเงินที่เอาไปใช้ได้จริงได้หล่นลงมาจากอากาศได้มาพร้อมกับพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหญ่อีก 2 องค์ เงินนี้จึงเป็นเงินของเทวดาที่ต้องการมาร่วมสร้างพระมหาเจดีย์เป็นแน่ พวกเขาก็เลยรีบนำเงินนี้ไปถวายแก่หลวงป๋าพร้อมกับรวบรวมเงินกันเองในกลุ่มสมทบเพิ่มเข้าไปอีก เพื่อขอร่วมทำบุญไปกับเทวดาด้วย
นี่ก็หมายความว่าแม้แต่เทพเทวาท่านก็ยังอยากร่วมสร้างพระมหาเจดีย์องค์นี้ และท่านคงต้องการให้พระมหาเจดีย์สำเร็จโดยเร็ว ท่านเลยไปหาเงินมาร่วมสร้าง แต่ไม่รู้ว่าท่านไปเอาเงิน 500 บาทนี้มาจากไหน ผมเลยไปขอแลกแบงค์ 500 บาทใบนี้มาเก็บไว้เพื่อเป็นที่ระลึก และเป็นหลักฐานยืนยันว่ามีเทวดาเคยมาร่วมบุญสร้างพระมหาเจดีย์ของวัดหลวงพ่อสดจริง....นี่เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดมีขึ้น กลุ่มคณะนี้เขาเลยมากระซิบบอกกับผมว่า "สงสัยหลวงป๋าท่านคงจะเป็นพระโพธิสัตว์นะครับพี่อู๋" ผมก็ได้แต่หัวเราะ

ขึ้นไปกราบหลวงพ่อสด


ขึ้นไปกราบหลวงพ่อสด โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋)
ในสมัยที่ผม (อู๋) ยังเรียนอยู่ที่จุฬาฯ ได้มีโอกาสช่วยงานหลวงป๋า ตอนนั้นท่านยังไม่ได้บวช ท่านใช้ชื่อว่า “มงคลบุตร” ในการเผยแพร่วิชชาธรรมกายผ่านหนังสือต่างๆ ที่หลวงป๋าท่านเขียนรวบรวมขึ้นมาเป็นเล่ม โดยเฉพาะกัณฑ์เทศน์ต่างๆ ของหลวงพ่อสด และยังได้มีโอกาสไปช่วยหลวงป๋าทำรายการธรรมะสู่สันติทุกวันอาทิตย์ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท. อีกด้วย
วันหนึ่งตอนเช้าตรู่ประมาณตี 4 ผมได้ฝันว่าได้พาเพื่อน 2 -3 คน ขึ้นไปบนฟ้า ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน แต่รอบตัวมีแต่อากาศว่างเปล่าเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา เมื่อมองไปตรงหน้าได้เห็นเป็นเหมือนโบสถ์สีขาวโปร่งแสงตั้งลอยเด่นอยู่กลางอากาศ ผมก็เลยพาเพื่อนๆ ลอยเข้าไปที่ทางเข้าโบสถ์ เดินแบบลอยๆ ตามขั้นบันไดไม่กี่ขั้นก็เข้าไปถึงในตัวโบสถ์ ภายในนั้นมองเห็นหลวงพ่อสดนั่งอยู่กลางโบสถ์เพียงองค์เดียว พวกผมก็คลานเข้าไปกราบท่านแล้วท่านก็ถามว่าชื่ออะไรกันบ้าง เพื่อนๆ ที่ไปด้วยกันก็ตอบรายงานชื่อของตัวเอง
แต่เมื่อมาถึงผม แทนที่ผมจะพูดชื่อของตัวเองผมกลับตอบท่านไปว่า “ผมชื่อเสริมชัยครับ” ในฝันตอนนั้นผมก็นึกแปลกใจตัวเองว่าทำไมผมจึงตอบหลวงพ่อไปอย่างนั้น ผมตอบท่านไปได้อย่างไรว่าชื่อเสริมชัย (เสริมชัยคือชื่อจริงของหลวงป๋า) หลวงพ่อสดท่านก็พยักหน้ารับทราบ แล้วผมก็ตื่นจากความฝัน ตื่นขึ้นมาก็ทบทวนความฝันนี้และคิดว่าคงเป็นฝันที่ไม่ได้เรื่องอะไร แต่ทำไมความฝันมันจึงชัดเจนและยังสามารถจดจำเรื่องราวและภาพต่างๆ ได้อย่างละเอียด
ต่อมาอีกไม่กี่วันก็ได้มีโอกาสไปพบหลวงป๋าท่านที่ทำงาน (USIS) ได้เล่าเรื่องความฝันนี้ให้ท่านฟัง เล่าไปก็อายและขำตัวเองที่ฝันเป็นตุเป็นตะไปได้แบบนี้คงจะเป็นฝันที่ใช้ไม่ได้ แต่หลวงป๋าท่านกลับบอกว่าเป็นนิมิตฝันที่ดีมาก ไม่แปลกเลยและเป็นนิมิตจริงที่น่าเชื่อถือ เพราะหลวงป๋าเองท่านก็เคยฝันแบบนี้มาแล้วเช่นกัน คือเมื่อท่านได้เจอหลวงพ่อสดในนิมิตครั้งแรกนั้น เมื่อหลวงพ่อสดถามท่านว่าชื่ออะไร หลวงป๋าก็ตอบหลวงพ่อสดไปว่าท่านชื่อ “วีระ” เช่นกันแทนที่จะตอบว่าชื่อเสริมชัย (วีระคือชื่อจริงของหลวงพ่อภาวนา) หลวงป๋าท่านอธิบายว่าในทางสายวิชชาแล้ว ใครถามว่าชื่ออะไร เราต้องตอบชื่อของอาจารย์ของเราเพื่อที่จะได้ทราบที่มาที่ไปว่าเรามาจากไหน เขาทำกันมาแบบนี้ตั้งแต่โบราณกาลแล้ว ผมจึงถึงบางอ้อว่านิมิตฝันที่เป็นจริงนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่อาจที่จะคาดเดาได้

วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ญาณทัศนะที่แม่นยำ


ญาณทัศนะที่แม่นยำ เล่าโดย ทวีวีฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋) 1 ต.ค. 2559
ผม (อู๋) เคยซื้อบ้านที่หมู่บ้านเสนานิเวศน์ไว้หลังหนึ่ง คนในยุคที่ผมเป็นหนุ่มๆ คงจะจำกันได้ถึงโฆษณาของหมู่บ้านแห่งนี้ “เสนานิเวศน์ อยู่กันจนเป็นปู่” ซึ่งเป็นโฆษณาที่ฮอตฮิตมากในสมัยนั้น เมื่อจะซื้อบ้านจึงเลือกที่จะซื้อที่หมู่บ้านแห่งนี้ตามคำชวนเชื่อของโฆษณา อยู่มาได้ประมาณ 10 ปี ก็จำเป็นที่จะต้องย้ายเพื่อมาอยู่ที่บ้านหลังปัจจุบัน (ในซอยโชคชัย 4) บ้านที่เสนานิเวศน์จึงต้องประกาศขาย
เมื่อประกาศขายไปซักระยะหนึ่ง ก็มีผู้สนใจที่จะซื้อประมาณ 3-4 ราย มีทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงซึ่งดูแล้วก็เป็นผู้ที่มีเงินทองมากและมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงระดับท่านแม่ทัพนายกอง ต้องการซื้อไปให้ลูกที่กำลังจะออกเรือน อีกรายก็เป็นผู้หญิงวัยกลางคนติดต่อเข้ามาและขอเข้ามาดูภายในบ้าน ท่าทางสนใจจริงถึงกับเอากล้องมาถ่ายรูปห้องต่างๆ และขอสำเนาผังแปลนบ้านและโฉนด เพื่อไปดำเนินการกู้ยืมกับทางธนาคาร
รายสุดท้ายประหลาดกว่ารายอื่นๆ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัท True ติดต่อเข้ามา รายนี้โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาเพียงครั้งเดียว เขาถามเพียงแค่ว่าตัวบ้านกว้างและยาวเท่าไหร่เท่านั้น การตกแต่งภายในก็ไม่สนใจจะซักถาม ผิดกับรายอื่นๆ ที่เขาจะถามว่ามีแอร์กี่ตัว มีกี่ห้องน้ำ ห้องน้ำตกแต่งอย่างไร ห้องนอนมีพรมไหม ฯลฯ เมื่อผ่านไปราว 1 อาทิตย์ก็มีเจ้าหน้าที่ (แต่ดูจากการแต่งตัวแล้วเหมือนช่างผู้รับเหมา) ขอเข้ามาเพื่อวัดขนาดกว้างและยาวของพื้นที่และตัวบ้าน วัดอยู่ไม่ถึง 10 นาทีก็ลากลับไป
ในใจของผมนั้นคิดว่า ในรายผู้หญิงวัยกลางคนนั้นน่าจะเป็นผู้ซื้อจริงมากที่สุด เพราะเธอเข้ามาดูบ้านและบอกพอใจบ้านของผมมาก นอกจากนั้นก็ได้ดำเนินการติดต่อกู้กับทางธนาคารแล้ว และต่อมาก็มีเจ้าหน้าที่ของธนาคารขอเข้ามาดูบ้านของข้าพเจ้า ดูท่าทางว่าจะจบที่รายนี้ค่อนข้างมาก
วันหนึ่งผมไปที่วัดหลวงพ่อสด อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นวัดที่ผมไปทำบุญเป็นประจำ เพราะนับถือและสนิทกับพระองค์หนึ่งซึ่งในที่นี้ขอเรียกท่านว่า “หลวงพ่อ” พระองค์นี้ผมสนิทสนมกับท่านมานาน และท่านก็รักผมเหมือนเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่ง วันนั้นผมแวะไปกราบท่านเพื่อจะสอบถามถึงเรื่องบ้านที่กำลังประกาศขาย
ข้าพเจ้า “หลวงพ่อครับ ตอนนี้ผมกำลังจะขายบ้าน มีคนติดต่อเข้ามา 3 รายครับ”
หลวงพ่อ “เออ แล้วมีใครบ้างล่ะ ไหนบอกมาซิ”
ข้าพเจ้า “มีคนที่อยู้บ้านใกล้ๆ กัน จะซื้อให้ลูกชายที่กำลังจะออกเรือน อีกคนเป็นผู้หญิงวัยกลางคนมาดูแล้วบอกว่าชอบมาก ตอนนี้กำลังติดต่อแบ๊งค์ขอทำเรื่องกู้อยู่ครับ แล้วอีกรายเป็นบริษัท True รายนี้แปลกมากถามแค่ว่าตัวบ้านกว้างยาวเท่าไหร่เท่านั้น.....” ยังไม่ทันที่ผมจะอธิบายต่อเลย หลวงพ่อก็พูดสวนขึ้นมาทันทีว่า
หลวงพ่อ “ข้าว่าไอ้ราย True นั่นแหละจะมาซื้อบ้านเธอ”
ข้าพเจ้า “จะเป็นไปได้อย่างไร เขาโทรมาหาเพียงครั้งเดียว รายละเอียดในบ้านก็ยังไม่เคยถามหรือเข้ามาดูเลย ไม่น่าเป็นไปได้นะครับ” ผมเถียงออกไปเพราะไม่เห็นด้วย
หลวงพ่อ “เออ แล้วเธอคอยดูไปก็แล้วกัน”
พูดตามตรง ผมไม่ค่อยเชื่อคำของหลวงพ่อเลยเพราะดูจากรูปการณ์แล้วมันไม่น่าจะเป็นไปได้ อยู่ต่อมารายที่อยู่หลังบ้านก็ทำเงียบไป (ตอนแรกทำท่าทางสนใจจริงจังถึงกับมาต่อรองราคาไว้) รายผู้หญิงวัยกลางคนก็ปรากฏว่าทางธนาคารไม่ปล่อยเงินกู้ให้ ส่วนราย True ก็เงียบไป 2 อาทิตย์ แล้วก็ติดต่อกลับมาว่าให้ผมไปรับเช็คที่บริษัทได้เลยซะงั้น
ผมละงงจริงๆ ว่ามันเป็นไปได้อย่างไร แต่มันก็เป็นไปแล้ว ผมไปรับเช็คเงินที่ขายบ้านได้จริงๆ หลวงพ่อท่านแม่นมากทำนายไว้แบบทันทีทันใด ตอนท่านทำนายท่านก็ไม่เห็นต้องมานั่งหลับตาอะไร ท่านพูดสวนขึ้นมาขณะที่ผมยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ท่านบอกกลับเป็นจริงทุกอย่าง นี่แหละที่เขาว่าอานุภาพของพระธรรมกายนั้นแม่นยำและรวดเร็วจริงๆ
ไม่ใช่แต่เฉพาะเรื่องบ้านเท่านั้น เรื่องงานก็เช่นเดียวกัน สมัยยังหนุ่มๆ ผมส่งใบสมัครงานเอาไว้ 2-3 ที่ ที่แรกเป็นบริษัทขายกาแฟ ที่ๆ สองเป็นบริษัทโกดัก (สมัยนั้นรุ่งเรืองมาก) และที่สุดท้ายเป็นบริษัทอุตสาหกรรมนมไทย ผมแวะไปหาหลวงพ่อที่กุฏิเห็นหลวงพ่อกำลังจะขึ้นรถตู้เพื่อไปธุระในวัด ผมก็รีบกระโดดตามหลวงพ่อขึ้นรถตู้ไปด้วยเพื่อจะถามท่านเรื่องสมัครงาน ขณะที่รถออกวิ่งผมก็รีบชิงถามหลวงพ่อก่อนเลย
ข้าพเจ้า “หลวงพ่อครับ ผมไปสมัครงานเอาไว้ 3 ที่ครับ มีบริษัทขายกาแฟ บริษัทโกดัก แล้วก็บริษัทอุตสาหกรรมนมไทย....” ผมพูดไปยังไม่ทันเสร็จหลวงพ่อก็พูดตอบมาทันที
หลวงพ่อ “ข้าว่า เธอ (เอ็ง) จะได้งานที่บริษัทอุตสาหกรรมนมไทยนะ”
ข้าพเจ้า “จริงหรือครับหลวงพ่อ”
หลวงพ่อ “เออ”
แล้วก็เป็นไปตามที่หลวงพ่อบอก ไม่ถึงอาทิตย์ทางบริษัทอุตสาหกรรมนมไทยติดต่อกลับมา พร้อมนัดสัมภาษณ์แล้วให้เริ่มทำงานได้ทันที เป็นอย่างไรบ้างครับ ญาณทัศนะของผู้ที่ถึงธรรมกายชั้นสูง มันช่างแม่นยำเที่ยงตรงและรวดเร็วอะไรเช่นนี้